กว่าที่พวกเราจะสักว่ารู้ว่าเห็นได้ มันก็ต้องฝึก คอยรู้คอยเห็นไปเรื่อยๆ แล้วมันก็ยินดียินร้ายอะไรอย่างนี้ ไม่ห้ามมัน มันยินดี รู้ทัน มันยินร้าย รู้ทันไปเรื่อย สุดท้ายสติปัญญามันแก่กล้าขึ้นมา มันจะรู้เลยว่า ทุกสิ่งที่จิตไปรู้เข้านี่หาสาระแก่นสารอะไรไม่ได้เลย รูปธรรมไม่มีสาระแก่นสาร นามธรรมก็ไม่มีสาระแก่นสาร เอาเป็นที่พึ่งที่อาศัยไม่ได้ เพราะฉะนั้น จิตมันเลยรู้สึกว่าพวกนี้ไม่ได้เรื่อง จิตมันก็เลยเป็นกลางกับสิ่งเหล่านี้ ทีแรกเกลียด ฝึกไปเรื่อยเลยรู้ว่าหนีไม่ได้ มันก็เป็นกลางขึ้นมา นี่คือเส้นทางที่นักปฏิบัติจะเจอ เส้นทางนี้ค่อยๆฝึกไป ถ้าอินทรีย์แก่กล้า เราก็อาจจะเข้าถึงความเป็นกลางได้ จนสักว่ารู้ว่าเห็นอย่างพระพาหิยะได้ ถ้าบารมียังไม่แก่กล้า ก็อาจจะได้โสดาบัน ได้สกิทาคามี ได้อนาคามี ไปตามลำดับ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 31 มกราคม 2564 ไฟล์ 640131 ซีดีแผ่นที่ 89

Direct download: 640131.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

เฝ้ารู้เฝ้าดู คนไหนขี้โลภก็เอาจิตโลภมาทำกรรมฐาน คนไหนขี้โกรธก็เอาจิตโกรธมาทำกรรมฐาน เหมือนเอาขยะมารีไซเคิล แล้วใช้ประโยชน์ใหม่ได้ ไหนๆ ก็มีกิเลสแล้ว แทนที่จะปล่อยให้มันแผดเผาเรา เราเอามาใช้ประโยชน์จากมันเสียเลย เอามาเป็นอุปกรณ์ทำกรรมฐาน มาเป็นอารมณ์กรรมฐาน ฝึกไปเรื่อยๆ อาจจะได้บรรลุมรรคผลก็ได้ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 30 มกราคม 2564 ไฟล์ 640130 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 640130.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

ธรรมะสำหรับโลกๆ พระพุทธเจ้าสอนให้ทำทานใช่ไหม ท่านไม่ได้สอนให้เรียกร้องนู่น เรียกร้องนี่ตลอดเวลา ท่านสอนให้ให้ คนที่ให้มันเติบโต คนที่อยากได้ของคนอื่น อยากให้คนอื่นมาประคบประหงมอะไรอย่างนี้ มันไม่เติบโตหรอก ฉะนั้นธรรมะของพระพุทธเจ้าใช้ได้ตั้งแต่เรื่องโลกๆ มันธรรมะสำหรับคนในโลก เราก็ดู อย่างในบ้านเราช่วงนี้อากาศหนาวๆ ในบ้านเราลองไปค้นดู เสื้อผ้าตัวไหนไม่ได้ใช้มาเป็นปีแล้ว แสดงว่าคงไม่ได้ใช้แล้ว ก็ไปให้คนอื่นเขาบ้าง คนที่เขาลำบาก มี ไม่ใช่ไม่มี ไม่ต้องถ่ายรูปไปลงเฟซบุ๊กว่า วันนี้ฉันไปทำบุญที่นี่ บริจาคที่นี่ นี่ล่ะรัฐบาลไม่เหลียวแลเลย ฉันต้องเหลียวแล นี่ไม่ถูกแล้ว ไม่ได้เป็นบุญ เป็นกุศลแล้ว ทำอย่างนั้น ฉะนั้นเราทำด้วยความไม่เห็นแก่ตัว ฝึกความไม่เห็นแก่ตัวไว้ แล้ววันที่เราเริ่มภาวนา มันจะไม่ยาก การมาภาวนาก็คือมาเรียนรู้ความจริงของกายของใจ เพื่อจะปล่อยวางตัวตนลงไป ถ้าเริ่มต้นเราก็เห็นแก่ตัวแล้ว เราจะปล่อยวางตัวตนได้อย่างไร มันยากกว่าการไม่เห็นแก่ตัวอีก ไม่เห็นแก่ตัวแล้ว แล้วต้องมาภาวนาอีก ให้เห็นความจริงของรูป นาม กาย ใจ มันถึงจะปล่อยวางตัวตนลงไปได้ ฉะนั้นธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอนมีลำดับ มีขั้น มีตอน -- หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 24 มกราคม 2564 ไฟล์ 640124 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 640124.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

พระพุทธเจ้าท่านสอนปัญจวัคคีย์ กัณฑ์แรกเลย สอนธรรมจักรกัปปวัตนสูตร ท่านสอนเริ่มต้นท่านก็บอกว่า มีสิ่ง 2 สิ่งที่บรรพชิตไม่ควรเอา สิ่ง 2 สิ่งที่ผู้ปฏิบัติไม่ควรเอา อันแรกก็คือการปล่อยกาย ปล่อยใจตามกิเลสไป ตามใจกิเลส เรียกว่าย่อหย่อนไป กามสุขัลลิกานุโยค กับการกดข่มบังคับทำกาย ทำใจตัวเองให้ลำบาก ท่านบอกอย่าทำ 2 อย่างนี้ แล้วจิตจะเดินในทางสายกลาง ฉะนั้นเริ่มต้นพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนทางสายกลาง แต่เริ่มต้นท่านสอนสิ่งที่ไม่ถูกเสียก่อน สิ่งที่ไม่ถูกมี 2 อย่าง คือย่อหย่อนไปกับตึงเครียดไป พอไม่ย่อหย่อน ไม่ตึงเครียดก็เข้าทางสายกลางง่าย ท่านก็เลยสอนเรื่องมรรคมีองค์ 8 ไม่ใช่มรรค 8 มรรคมีแค่มรรคเท่านั้น แต่ว่ามีองค์ประกอบ 8 ถึงจะเข้าใจ มรรคมีองค์ 8 อยู่ในทางสายกลางแล้ว จะเข้าถึงทางสายกลางได้ ต้องไม่สุดโต่งหลงไป 2 ข้างนั้นก่อน หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 23 มกราคม 2564 ไฟล์ 640123 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 640123.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

เราต้องฝึก ทีแรกเราฝึกให้จิตตั้งมั่น ฝึกสติให้ว่องไว พอจิตเราตั้งมั่นเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว ก็ฝึกที่จะหมายรู้ หมายรู้ก็คือเป็นมุมมองของจิต สติระลึกรู้กายก็หมายรู้ มองกายในมุมของความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ทีแรกจงใจมอง ต่อมาจิตมันมองได้เอง ตรงที่จิตมองได้เองนี่เราเดินปัญญาอย่างแท้จริงแล้ว หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 16 มกราคม 2564 ไฟล์ 640116 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 640116.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

ตัณหากับฉันทะ ไม่เหมือนกัน ฉันทะ พอใจที่จะทำเหตุที่ดี แล้วผลมันเป็นผลพลอยได้ มันตามมาเอง ตัณหานี่อยากได้ผล ไม่อยากทำเหตุหรอก อยากบรรลุมรรคผล ประเภทนั่งๆ นอนๆ แล้วก็บรรลุได้ ดีที่สุด ถ้าไม่มีฉันทะ ไม่ภาวนาจริง อย่างถ้ามีฉันทะ ก็ตั้งใจภาวนาของเราเอง ไม่ต้องให้ใครสั่ง ถ้าไม่มี มีแต่ความอยาก ภาวนาแล้วอยากจะได้โน่น อยากจะได้นี่ อยากได้อภิญญา อยากมีฤทธิ์ อยากมีความรู้มากมาย อย่างนั้นตัณหา หวังผล การภาวนา ถ้าหวังผล ไม่ได้ผลหรอก มันโลภ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 10 มกราคม 2564 ไฟล์ 640110 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 640110.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

วิเวกคือการฝึกอยู่ในความสงบ มี 3 อัน มีกายวิเวก คือไม่คลุกคลี คลุกคลีเท่าที่จำเป็น ยุ่งกับคนอื่นเท่าที่จำเป็น มีจิตตวิเวก อยู่กับตัวเองให้เยอะๆ เรียนรู้ตัวเองให้มาก แล้วต่อไปจะได้ผลพลอยได้อันหนึ่ง คืออุปธิวิเวก สงบจากกิเลส ถ้าเราภาวนาเป็นเราจะรู้เลย ตัวที่ทำให้จิตใจเราไม่สงบก็คือกิเลสทั้งนั้น ไม่ใช่ตัวอื่นเลย เราหัดภาวนา จิตเราก็สงบได้จิตตวิเวก แล้วก็ได้เห็นความจริง เวลากิเลสเกิด จิตใจมันดิ้นรน ฟุ้งซ่านวุ่นวาย พอเราเห็นอย่างนี้เรื่อยๆ เห็นบ่อยๆ ไปจะรู้เลย ศัตรูของชีวิตเราไม่ใช่คนอื่น ไม่ใช่โควิด ศัตรูในชีวิตของเราจริงๆ ที่ทำให้เราไม่มีความสงบสุข ก็คือกิเลสของเราเอง -- หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 9 มกราคม 2564 ไฟล์ 640109 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 640109.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

เราไม่ต้องรอให้หมดไปก่อนปีหนึ่งๆ แล้วค่อยเห็นว่าชีวิตเหมือนความฝัน มาเฝ้ารู้ลงที่กายที่ใจในปัจจุบันนี้ จนเห็นว่าปัจจุบันนี้ก็เหมือนฝันอยู่ ร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวเราของเรา เวทนาคือความสุขทุกข์ในกาย หรือความสุข ความทุกข์ ความเฉยๆ ในใจ ก็ว่างเปล่า ไม่ใช่ตัวเราของเรา จิตที่เป็นกุศล จิตที่เป็นอกุศลก็ว่างเปล่า ไม่ใช่ตัวเราของเรา ฝึกรู้ฝึกดูซ้ำแล้วซ้ำอีกลงไป แต่ไม่ใช่คิดเอา รู้สึกเอา คอยรู้สึกอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก จิตมันก็จะค่อยๆ ฉลาดขึ้นๆ สิ่งที่เรียกว่าความฉลาดของเรา ก็คือตัวสัมมาทิฏฐินั่นเอง ความรู้ถูก ความเข้าใจถูก ปฏิบัติแทบเป็นแทบตาย ไม่ได้อะไรมา-ไม่เสียอะไรไป สิ่งที่ได้มามีอย่างเดียวคือ สัมมาทิฏฐิ สิ่งที่เสียไปมีอย่างเดียวคือ มิจฉาทิฏฐิ แค่นั้นล่ะที่ฝึกกันแทบตาย นอกนั้นไม่มีอะไรหรอก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 1 มกราคม 2564 ไฟล์ 640101 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 640101.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

ช่วงที่เราต้องเก็บเนื้อเก็บตัว คนไม่มีปัญญาก็จะรู้สึกเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมาน คนมีปัญญาจะรู้ว่ามันเป็นเวลาที่มีคุณค่า มีประโยชน์มาก เพราะเรามีเวลาที่เรียนรู้ตัวเองได้มาก ตอนนี้ยังไม่รู้สึกไม่เป็นไร แต่พอผ่านเหตุการณ์ไปแล้ว ลองย้อนกลับมาดู จะพบว่ามันคุ้มค่าที่สุดเลย ความยากลำบากที่มีเล็กๆ น้อยๆ ถ้าภาวนาเป็นไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย อะไรๆ มันก็ดูดีไปหมด ถ้าภาวนาได้ อย่างเราไม่เป็นโรคเราก็รู้สึกดี ถ้าเป็นโรคเราก็รู้สึกดี เออ ยังไม่ตาย ถ้าจะตายเราก็รู้สึกดี เออพ้นทุกข์ พ้นร้อนอย่างนี้สักที เดี๋ยวเราไปเกิดที่ดีกว่านี้อีก เพราะเราภาวนามาเยอะ จะไม่รู้สึกขาดทุนหรอกชีวิต คนที่รู้สึกว่าชีวิตนี้ขาดทุน ก็คือคนไม่ได้มีศีลมีธรรมพอ ฉะนั้นตั้งอกตั้งใจ รักษาศีลเอาไว้ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 31 ธันวาคม 2563 ไฟล์ 631231 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 631231.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

สิ่งที่โลกมีก็คือความทุกข์ อย่างอื่นไม่มี ท่านถึงบอกว่า นอกจากความทุกข์แล้ว ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป มีแต่ความทุกข์เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป นี่เรื่องของโลก เราไม่ได้เกลียดโลก แต่เรามาเรียนรู้โลก โลกไม่ได้มีความสุข น่าสนุก น่าเพลิดเพลินอย่างที่คนหลงเขารู้สึกกัน อยู่กับมันแล้วเรียนรู้ความจริงของมันไป ถ้าเห็นความจริงของโลก ว่าหาสาระแก่นสารอะไรไม่ได้ ยิ่งไปหลงวุ่นวายกับมัน ใจเราก็ยิ่งปนเปื้อน สกปรก ไม่มีความสุข ถ้าเข้าใจโลก ก็อยู่กับมันแบบไม่ติดโลก เหมือนดอกบัวเกิดในน้ำแต่ไม่เปียกน้ำ ค่อยฝึกไปเรื่อยๆ เรียนรู้โลกมีอะไรบ้าง ทั้งรูปธรรม ทั้งนามธรรมเขาเรียกว่าโลก โลกไม่ได้มีอย่างอื่น มีแต่รูปธรรมกับนามธรรม ดูลงไปเรื่อยๆ มีสติ มีใจตั้งมั่น ก็เรียนรู้โลกอย่างที่โลกมันเป็น ก็จะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิด แล้วมันก็ดับไป หมดไป สิ้นไป กระทั่งของที่เรารักเราหวงแหนที่สุด คือชีวิตร่างกายเรา มันก็หมดไปสิ้นไปเรื่อยๆ -- หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 27 ธันวาคม 2563 ไฟล์ 631227 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 631227.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 5:00pm +07

สมาธิจำเป็นสำหรับการปฏิบัติ จำเป็นทั้ง 2 ชนิด สมาธิชนิดสงบก็จำเป็น สมาธิชนิดจิตตั้งมั่นก็จำเป็น สมาธิชนิดจิตตั้งมั่นจะฝึกยากนิดหนึ่ง คนในโลกไม่ค่อยรู้จักหรอก แต่มีมาก่อนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ คือพระโพธิสัตว์เจ้าชายสิทธัตถะ ท่านฝึกจิตตั้งมั่นได้ตั้งแต่ตอนเด็กๆ ตอนโตขึ้นมาภาวนาแล้วออกบวชแล้ว ช่วงสุดท้ายจิตท่านก็ตั้งมั่นขึ้นมา ท่านถึงเจริญปัญญาได้ จิตไม่ตั้งมั่น จิตไม่มีสมาธิเจริญปัญญาไม่ได้ ในตอนที่เราเจริญปัญญา เจริญไปเรื่อยๆ มันเหมือนจิตใช้พลังงานไป จิตจะเริ่มฟุ้งซ่าน ดูจิตก็ไม่ได้ ดูกายก็ไม่ได้ คือไม่สามารถเจริญวิปัสสนาได้แล้ว ก็เหมาเรียกว่าจิตฟุ้งซ่าน มันเจริญวิปัสสนาไม่ได้แล้ว จิตไม่มีเรี่ยวมีแรงไหลๆ ไปเคลิ้มๆ ไป อันนี้เราต้องทำสมาธิชนิดจิตสงบ... จิตมันฟุ้งซ่านมันจะหมดแรง เราก็ต้องชาร์จพลังของมัน -- หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 26 ธันวาคม 2563 ไฟล์ 631226 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 631226.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

อย่าตามใจกิเลสมาก ตามใจกิเลสมาก แล้วบอก แหม ฟังธรรมะหลวงพ่อมา 10 ปี ทำไมยังไม่ได้มรรคผล ทำไมหลวงพ่อบอกว่าง่าย หลวงพ่อรู้สึกว่ามันง่ายเพราะหลวงพ่อสู้ ฝึกตัวเองสารพัดจะฝึก… เรื่องหลงโลกอะไรนี่ ไม่ทำ เราอยากให้ได้ผลในการภาวนาดีๆ เร็วๆ อย่างที่หลวงพ่อทำ เราก็ทำอย่างหลวงพ่อ อย่าตามใจกิเลส แต่ไม่ใช่ฝืนจนเป็นอัตตกิลมถานุโยค พอได้ยินอย่างนี้ วันนี้จะไม่นอน ไม่นอนเดี๋ยวรุ่งเช้าขับรถไปเสยคนอื่นเขา อย่างนั้นก็เกินไป ก็ดูตามสถานะเราเท่าที่เป็นได้… ต้องต่อสู้ สังเกตใจตัวเองไปเรื่อยๆ ถ้าเมื่อไหร่มันอ่อนแอแพ้กิเลส คอยรู้ทันมัน หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 20 ธันวาคม 2563 ไฟล์ 631220 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 631220.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

Direct download: 631205_T2.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 8:00pm +07

สมาธิที่เราใช้เดินปัญญาจริงๆ เป็นสัมมาสมาธิประกอบด้วยสติ แยกออกเป็นสองกลุ่มย่อย อันที่หนึ่ง จิตเป็นหนึ่ง-อารมณ์เป็นหนึ่ง มีสติระลึกรู้อยู่ที่ตัวอารมณ์ อารมณ์เป็นพระเอก แต่ว่ามีสติ ไม่หลงอยู่กับอารมณ์ มีจิตที่เป็นหนึ่ง มีอารมณ์ที่เป็นหนึ่ง สมาธิอย่างนี้เอาไว้พักผ่อน ... สมาธิที่ดีอีกชนิดหนึ่ง จิตเป็นหนึ่ง มีอารมณ์เป็นแสนเป็นล้าน จิตเป็นหนึ่ง คือจิตเป็นคนดู แล้วเห็นอารมณ์นั้นเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไป ตัวที่เป็นพระเอก คือตัวจิตไม่ใช่ตัวอารมณ์ จิตตั้งมั่นเป็นแค่ผู้รู้ผู้ดู เห็นอารมณ์ทั้งหลายผ่านมาผ่านไป ตรงนี้เอาไว้ทำวิปัสสนา ฉะนั้นเราต้องเรียน หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 19 ธันวาคม 2563 ไฟล์ 631219 ซีดีแผ่นที่ 88 ถ้าเราไม่ได้ฝึกสมาธิให้ดี เราไม่มีสมาธิที่ถูกต้อง เราไปเจริญวิปัสสนาทำไม่ได้จริงหรอก

Direct download: 631219.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

เรียนทีละจุดย่อยๆ เรียนจิตทีละอย่างๆ เห็นมันเกิดดับๆ แต่ตอนที่มันเข้าใจนี่มันเข้าใจภาพรวม ฉะนั้นเวลาเรียนปฏิบัติกรรมฐานนี่ ท่านถึงบอกดูกายในกาย คือดูกายบางอย่างแล้วก็เข้าใจกายทั้งหมด ดูเวทนาบางอย่างเข้าใจเวทนาทั้งหมด ดูจิตบางอย่างเข้าใจจิตทั้งหมด ฉะนั้นเราเรียนบางส่วนเท่านั้น แล้วจะเข้าใจทั้งหมด หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 13 ธันวาคม 2563 ไฟล์ 631213 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 631213.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

เราประมาทไม่ได้ ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ฝึกตัวเองให้ชำนิชำนาญ หัดแยกธาตุแยกขันธ์ไป ร่างกายอยู่ส่วนร่างกาย ความเจ็บป่วยอยู่ส่วนความเจ็บป่วย ความรู้สึกในจิตใจ อยู่ส่วนของความรู้สึกในจิตใจ อย่างความเจ็บป่วยอยู่ในร่างกาย ใจเรากังวล ใจเรากลุ้ม ตัวกลุ้มตัวกังวลมันไม่ใช่ร่างกาย ไม่ใช่ความเจ็บป่วย แล้วก็ไม่ใช่จิต จิตเป็นคนรู้ว่ามันกลุ้ม ฝึกแยกให้ชำนิชำนาญ ทำตัวนี้ได้จะดีมากๆ เลย โอกาสที่เราจะรอดอบายชาตินี้ก็มี แต่รอดได้ชาติเดียว ชาติหน้าอาจจะลืมกรรมฐาน ฉะนั้นต้องฝึกจนกระทั่งจิตเราเคยชินกับกรรมฐาน ฝึกทุกวันๆ เกิดชาตินี้เราไม่บรรลุมรรคผล ชาติต่อไปกรรมฐานเดิมที่เคยฝึกมันจะกลับมาง่ายๆ -- หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 12 ธันวาคม 2563 ไฟล์ 631212 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 631212.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

ยังไงก็รักษาชีวิตไว้ก่อน จะได้ภาวนา ยังภาวนาไม่ค่อยได้ อย่าเพิ่งป่วย มีสติเป็นเครื่องป้องกันตัวเองไว้ เวลาคุยขาดสติ มันจะไปดึงแมสก์ออกจากจมูก คุยโดยไม่จำเป็น หายใจแล้วรู้สึกไป พุทโธไป เรายังได้ประโยชน์ เที่ยวเล่นคุยเล่น ไม่ได้อะไรขึ้นมา ฟุ้งซ่าน จิตมันเป็นอนัตตาก็จริงนะ แต่จิตมันเป็นธรรมชาติที่ไหลไปตามความเคยชิน เคยชินจะหลง มันก็หลงบ่อย เคยชินที่จะช่างพูด มันก็พูดไปเรื่อยๆ ไม่รู้จักควบคุม พยายามมีสติ จะยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม ทำ พูด มีสติไว้ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 10 ธันวาคม 2563 ไฟล์ 631210 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 631210.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

ชาตินี้เจอพระพุทธศาสนาแล้วก็ตั้งใจภาวนา อย่าเห็นแต่ความสนุกเพลิดเพลินไปวันหนึ่งๆ ชีวิตคนไม่ได้ยืนยาวเท่าไร สนุกสนานพักเดียวก็แก่แล้ว ถ้าเรารอแก่ๆ แล้วจะภาวนาๆ ยาก ทำตั้งแต่ยังเด็กๆ นี้ดี ส่วนใหญ่แต่ก่อนถ้าเข้าวัดก็แก่ๆ ทั้งนั้นถึงจะเข้า หลวงพ่อภาวนามาเรื่อยๆ เห็นพวกเราส่วนใหญ่เกิดหลังหลวงพ่อ อยากให้พวกเราภาวนาอย่างที่หลวงพ่อทำบ้าง ชีวิตมันมีความร่มเย็นเป็นสุขนะ มีความสุข มีความสบาย ร่างกายมันแก่ ใจก็ไม่ได้เดือดร้อน ร่างกายเจ็บไข้ ใจก็ไม่เดือดร้อน แล้วถ้าจะต้องตายก็ไม่เดือดร้อน เรารู้สึกเราใช้ชีวิตคุ้มค่าที่สุดแล้ว ได้รู้จักตัวเอง ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จักตัวเอง หลงๆ ไป เรียนรู้เข้ามาให้ถึงจิตถึงใจ ถึงจะรู้จักตัวเอง หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 7 ธันวาคม 2563 ไฟล์ 631207 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 631207.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

ต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิตเรา รู้มันเข้าไปตรงๆ ถ้ามีความอยากเกิดขึ้น ให้รู้ทันว่าอยาก แล้วใจจะไม่ดิ้นรน เมื่อสิ้นความอยาก เขาเรียกว่ามีวิราคะ เมื่อสิ้นความดิ้นรน เรียกว่าวิสังขาร จิตก็เข้าถึงความบริสุทธิ์หลุดพ้น เรียกว่าวิมุตติ คำว่า “วิ” พวกนี้ พวกเดียวกัน ใช้แทนที่กันได้ เมื่อไรมีวิราคะ เมื่อนั้นก็ถึงพระนิพพาน เมื่อไรมีวิสังขาร ก็ถึงพระนิพพาน เมื่อไรมีวิมุตติ ก็ถึงพระนิพพาน ถึงอันเดียวกัน แต่ว่าแจกแจงรายละเอียดลงไปในแง่มุมที่ต่างๆ กันไป ถ้าถึงอันใดอันหนึ่งก็ถึงกันหมด เราจะไปสั่งจิตให้มีวิราคะ สั่งไม่ได้ วิราคะก็คือความสิ้นตัณหา แต่ตัณหาเกิดขึ้น อย่ายอมแพ้มัน อย่ายอมจำนนมัน รู้มันเข้าไปตรงๆ เลย ดูมันเข้าไปตรงๆ มันทนไม่ได้หรอก กิเลสเก่งแค่ไหน มันก็ทนสติปัญญาเราไม่ได้หรอก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 6 ธันวาคม 2563 ไฟล์ 631206 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 631206.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

เวลาเราจะภาวนาให้ได้มรรคผลนิพพาน ใจต้องเป็นอิสระ ใจไม่ติดอะไร ถ้ายังเสพแล้วก็ติดอยู่ มันยังไม่ได้มรรคผลง่ายหรอก ลำบาก อย่าประมาทการเสพอารมณ์เล็กๆ น้อยๆ ซึ่งดูแล้วไม่ได้ผิดศีล อย่างลมพัดเย็นๆ แล้วเราชอบผิดศีลไหม ไม่ผิดศีล ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ได้ขโมยลมของใครมา ไม่ได้เป็นชู้กับลม เวลาตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจกระทบอารมณ์แล้ว ยินดีพอใจให้รู้ทัน ไม่ยินดี ไม่พอใจให้รู้ทัน ถ้ายินดีพอใจรู้ไม่ทัน เราจะมีราคะเพิ่มขึ้น ถ้าไม่ชอบ ไม่ยินดี ไม่พอใจเกิดขึ้นไม่รู้ทัน ก็สะสมโทสะขึ้น ต่อไปก็ไปสู้กับกิเลสเยอะแยะเลย กิเลสมันมีกำลัง -- หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 5 ธันวาคม 2563 ไฟล์ 631205 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 631205.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

การที่เราต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี อยู่กับคนที่ไม่ดี อยู่กับสังคมที่วุ่นวาย ทำอย่างไรเราจะไม่บ้าไปเสียก่อน ทำอย่างไรจะไม่เป็นโรคซึมเศร้า สามารถมีสุขภาพจิตที่ดีท่ามกลางโลกที่เร่าร้อน ไม่มีอะไรตอบโจทย์ได้ดีเท่าธรรมะ ที่ว่าทำอย่างไรเราจะสามารถอยู่ท่ามกลางโลกที่เร่าร้อนได้ โดยไม่มีความทุกข์ ศาสนาพุทธตอบโจทย์เรื่องนี้ แล้วก็เป็นศาสตร์ มีเหตุ-มีผล สอนเราว่าถ้าเราทำเหตุอย่างนี้ เราก็จะมีผลอย่างนี้ ไม่มีเรื่องบังเอิญ ไม่มีเรื่องเทวดาเข้ามาช่วยเหลือ มาบงการ มาลิขิต ไม่มีทั้งสิ้น มีแต่เรื่องของการฝึกตัวเอง หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 29 พฤศจิกายน 2563 ไฟล์ 631129 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 631129.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

เวลากิเลสเกิดแล้ว เราสนองมันเต็มเหนี่ยวแล้ว มันสะสมกิเลสชนิดนั้นให้รุนแรงยิ่งขึ้น มันไม่อยู่กับที่หรอก เวลากิเลสเกิดแล้วเราตอบสนอง กิเลสตัวนั้นจะมีกำลังมากขึ้นๆ คล้ายๆ ได้กินอาหาร เป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง เมื่อได้กินอาหาร แรงมันก็เยอะขึ้นๆ เวลากิเลสเกิดขึ้นที่ใจ ไม่ใช่ยอมจำนน ปล่อยให้มันครอบไปตลอดชาติ เกิดกิเลสขึ้นมามีสติรู้ทันลงไป ความมีสติคุ้มครองรักษาจิต กิเลสจะครอบงำจิตไม่ได้ มันจะค่อยๆ ถอยหนีไป บางคนทักกิเลส ทักทายกิเลสเลย คนที่ทักทายกิเลสคนแรก คือพระพุทธเจ้า ท่านอุทานทักตัณหา ตัณหามันก็กิเลส บอกเออตัณหาเป็นนายช่างผู้สร้างเรือน คือสร้างภพ สร้างชาติในใจท่าน เวลานี้เรารู้ทันแล้ว ต่อไปแกก็มาสร้างภพ สร้างชาติในใจเราไม่ได้อีกแล้ว กิเลสพอถูกรู้ทันจะถอยหนีไป -- หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 28 พฤศจิกายน 2563 ไฟล์ 631128 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 631128.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

เวลาจะตาย ความเจ็บปวดมันจะรุนแรง มันรุนแรงถึงขนาดตายเลย เพราะอย่างนั้นมันจะรุนแรง ถ้าเราไม่เคยฝึก เวลาจะตายจะทุรนทุราย เวลาจิตทุรนทุราย ทุคติเป็นที่หวังได้ พระพุทธเจ้าใช้คำนี้ "เวลาจิตเราเศร้าหมอง ทุคติเป็นที่หวังได้" ก็จะไปเกิดเป็นเปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรก มีสี่ที่ให้ไป แต่ถ้าจิตเราเป็นกุศลอยู่ สุคติก็เป็นที่ไป วันนี้สอนให้เตรียมไปสุคติ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 26 พฤศจิกายน 2563 ไฟล์ 631126 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 631126.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

เรามีสติรู้ร่างกายยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม ทำ พูด ถ้ารู้เป็นก็จะเห็นร่างกายนี้เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ถ้าเห็นใจมันคิด เราก็รู้ทันไป ใจมันคิดได้เอง ใจมันก็เป็นอนัตตา มันคิดได้เอง หรือเวลามันคิดแล้วมันจะเกิดสุขหรือเกิดทุกข์ เราก็สั่งไม่ได้ ตรงที่เราสั่งไม่ได้ เราเลือกไม่ได้ นั่นก็คืออนัตตา ความสุขเกิดขึ้นอยู่ชั่วคราวแล้วก็หายไป ความทุกข์เกิดขึ้นอยู่ชั่วคราวแล้วก็หายไป อันนี้ก็คืออนิจจัง ไตรลักษณ์มันจะแสดงตัวอยู่ตลอดเวลา เฝ้ารู้เฝ้าดูลงไป หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 22 พฤศจิกายน 2563 ไฟล์ 631122 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 631122.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

ตัวรู้คือตัว subject - subject คู่กับ object ตัวรู้กับสิ่งที่ถูกรู้ ภาษาบาลีใช้คำว่าจิตกับอารมณ์ จิต คือตัวรู้อารมณ์ อารมณ์ คือตัวสิ่งที่จิตรู้ พอเรามีจิตที่เป็นคนรู้-คนดูแล้ว มันจะแยกจิตกับอารมณ์ออกจากกันได้ แล้วมันจะเริ่มเห็นความจริง อารมณ์ทั้งหลายเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 21 พฤศจิกายน 2563 ไฟล์ 631121 ซีดีแผ่นที่ 88

Direct download: 631121.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

1 « Previous 13 14 15 16 17 18 19 Next » 68