Sat, 3 August 2024
|
Fri, 2 August 2024
|
Fri, 2 August 2024
|
Tue, 30 July 2024
งานหลักของเราจริงๆ คือเรียนรู้กายรู้ใจของเรา หน้าที่ของชาวพุทธเราคือเราเป็นนักศึกษาๆ ศึกษาอะไร ศึกษาตัวเอง เรียนรู้กายเรียนรู้ใจของตัวเองไป พอมันรู้ถ่องแท้ กายนี้ใจนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่มีอะไร ไม่มีตัวมีตน ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา อันนี้จิตเขาเรียกว่ามันตกกระแสธรรมแล้ว จิตตกกระแสธรรม มันก็จะเที่ยงต่อการที่จะพ้นทุกข์ไป วันหนึ่งจะต้องได้เป็นพระอรหันต์แน่ ทำหน้าที่ศึกษาตัวเองให้ถ่องแท้ไป สํารวจใจเรา เรามั่นคงกับพระรัตนตรัยแค่ไหน หรือเราเห็นพระรัตนตรัยเป็นบ่อเงินบ่อทอง เป็นที่แสวงหาผลประโยชน์ คนจํานวนมากเอาศาสนาไปแสวงหาผลประโยชน์ เรามีศีลดีงามไหม สํารวจตัวเอง ถ้าศีลเรายังด่างพร้อยอยู่ เราก็ยังไม่ใช่ชาวพุทธที่ดี ไม่ใช่ลูกที่ดีของพระพุทธเจ้า เราไม่เคารพพระพุทธเจ้า ท่านสอนให้เราถือศีลแล้วเราไม่ถือ อีกข้อหนึ่งก็คือเราเชื่อกฎแห่งกรรมไหม หรือเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง หรือบางวันไม่เชื่อเลยอะไรอย่างนี้ สํารวจตัวเอง คนที่เชื่อกฎแห่งกรรมก็จะเชื่อว่า เราจะต้องพ้นทุกข์ไปด้วยความเพียรของเราเอง หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 7 กรกฎาคม 2567 |
Mon, 29 July 2024
การปฏิบัติ จิตจะต้องมีเครื่องอยู่ ถ้าจิตไม่มีเครื่องอยู่ จิตก็ร่อนเร่ไป ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติในขั้นไหน ก็ต้องมีเครื่องอยู่ให้จิตอยู่ อย่าว่าแต่พวกเราเลย กระทั่งพระอรหันต์ ท่านก็ยังมีการเจริญสติปัฏฐานเป็นเครื่องอยู่ ใช้กาย เวทนา จิต ธรรม ให้ใจมีบ้านอยู่ แต่พวกเราต่างกับพระอรหันต์ ตรงที่ เรายังยึดถือกายใจขันธ์ 5 อยู่ เราเจริญสติปัฏฐานเป็นเครื่องอยู่ เพื่อให้เกิดปัญญารู้ถูกเข้าใจถูก แล้วปล่อยวาง ในขณะที่พระอรหันต์ท่านมีกาย เวทนา จิต ธรรมเป็นเครื่องอยู่ แล้วจิตท่านพรากออกไป แยกออกไปจากขันธ์ ไม่เกาะเกี่ยว มองเห็นขันธ์เป็นความว่าง ในขณะที่พวกเรามองเห็นขันธ์เป็นตัวเรา ปุถุชน เพราะฉะนั้นจะทิ้งการมีเครื่องอยู่ของจิตไม่ได้ สังเกตตัวเอง อยู่กับเครื่องอยู่ชนิดไหนแล้วสติเกิดบ่อย เอาอันนั้นล่ะดี หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 6 กรกฎาคม 2567 |
Fri, 26 July 2024
|
Fri, 26 July 2024
|
Thu, 25 July 2024
|
Thu, 25 July 2024
|
Thu, 25 July 2024
ธรรมะมันไม่ใช่ว่าเราต้องเรียนทุกวัน แต่เราต้องปฏิบัติทุกวัน เรียนมากฟังมากจำเอาไว้ก็ไปคิดเอา จะคล้ายๆ คนที่เรียนปริยัติมากๆ เวลาภาวนา บางทีความคิดมันก็มาปน รู้หมด พวกเราหลายคน ช่างคิดช่างสงสัย แล้วก็เที่ยวหาคำตอบ เจอครูบาอาจารย์ก็ถามอยู่นั่นล่ะ จะเค้นเอาธรรมะให้ได้ ธรรมะมันไม่ได้มาด้วยการคิดเอาเองหรือด้วยการถามเอา มันได้มาด้วยการสังเกตตัวเอง เรียนรู้ตัวเอง คิดมากก็สงสัยมาก สงสัยมากก็ถามมาก ถามมากก็เอาไปคิดมากอีกแล้ว ก็วนกลับมาสงสัยมากอีก เราต้องกล้าหาญตัดวงจรอันนี้ให้ขาด แทนที่จะต้องคิดมาก ให้รู้สึกเอา ร่างกายเราเคลื่อนไหวก็แค่รู้ ร่างกายยืนเดินนั่งนอนก็รู้ ร่างกายหายใจออกร่างกายหายใจเข้าก็รู้เอา มันไม่ได้รู้ยากมันรู้ได้ทุกคนอยู่แล้ว ธรรมะ ถามคนอื่นก็ไม่ได้เรื่องหรอก มัวแต่อ่านมัวแต่ฟังมัวแต่ถาม ไม่ได้ดูของจริงก็คือไม่ได้ลงมือปฏิบัติหรอก ต้องลงมือดูของจริง แล้วการดูของจริงดูกายดูใจก็ไม่ใช่เรื่องยาก ใครๆ ก็รู้ได้ มันแค่ละเลยที่จะรู้เท่านั้น มัวแต่สนใจของข้างนอก มันละเลยไม่ค่อยรู้กายรู้ใจของตัวเอง หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 5 กรกฎาคม 2567 |
Wed, 24 July 2024
|
Wed, 24 July 2024
|
Wed, 24 July 2024
การภาวนาจับหลักให้ดี งานหลักของเราคือการรู้ทุกข์ สติรู้กายรู้ใจ คือรู้ก้อนทุกข์นี้ไป รู้ด้วยจิตใจที่ตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดู เป็นคนเห็น เห็นกายมันทํางาน เห็นจิตมันทํางานไป มีจิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้เห็นไป แล้วเกิดยินดีเกิดยินร้าย ไปเห็นอย่างนี้แล้วยินดี ให้รู้ทัน เห็นอันนี้แล้วยินร้าย ให้รู้ทัน ละความยินดียินร้ายเสีย ละด้วยการรู้ทันนี่ล่ะ ดับ จิตก็จะเป็นกลาง มีความตั้งมั่น มีความเป็นกลาง สติระลึกรู้กายด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง ก็จะเห็นว่ากายนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา มันเป็นตัวทุกข์ ไม่ใช่ตัวอื่นเลย หรือเห็นจิตใจก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ก็ดูไปเรื่อยๆ แล้วมันไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา จิตใจไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา แล้วมันเป็นตัวอะไร มันเป็นตัวทุกข์ ภาวนาให้รู้ทุกข์ให้แจ่มแจ้ง ถ้ารู้ทุกข์แจ่มแจ้งแล้วตัณหาจะถูกละไปอัตโนมัติ ถ้าตัณหาถูกละไป จิตก็ไม่สร้างภพ สร้างชาติ สร้างทุกข์ขึ้นมา แล้วถ้าละได้เด็ดขาด ละอวิชชาได้เด็ดขาดจิตก็จะไม่ปรุงต่อ เพราะฉะนั้นพระอรหันต์ท่านละอวิชชาเด็ดขาดแล้ว ถ้าเราภาวนาลงมา เข้ามาให้ถึงจิตถึงใจตัวเอง ให้จิตมันอยู่กับเนื้อกับตัว พอสติระลึกรู้กายก็จะเห็นแต่ไตรลักษณ์ สติระลึกรู้จิตก็เห็นไตรลักษณ์ เห็นอย่างนี้เรื่อยๆ ไป จนกระทั่งมันรู้แจ้งเห็นจริง กายนี้ใจนี้หรือขันธ์ 5 นี้มันคือตัวทุกข์จริงๆ ความปรุงแต่งของจิตก็จะไม่เกิดขึ้น ถ้าความปรุงแต่งของจิตไม่เกิดขึ้นแล้ว การที่จะไปถืออุบัติในภพใดชาติใดไม่มีๆ อย่างถ้าเราภาวนา เราจบกิจแล้ว เราดูลงมาในจิตในใจ หรือดูไปทั่วโลกธาตุ มันจะรู้สึกว่าไม่มีที่ให้จิตหยั่งลงไปเกิดอีกแล้ว ทุกอย่างนี้ว่างไปหมด มันว่าง ไม่มีที่ให้จิตหยั่งลงไปเกิด หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 30 มิถุนายน 2567 |
Tue, 23 July 2024
|
Tue, 23 July 2024
|
Tue, 23 July 2024
พวกเราต้องเร่งศึกษา ปฏิบัติธรรมะ ศึกษาก็ต้องศึกษาหลักสำคัญทางพระพุทธศาสนา หลักธรรมะสำคัญๆ ต้องรู้จัก ปฏิบัติ ทำทานให้เป็น ถือศีลให้เป็น ภาวนาให้เป็น พูดอยู่เสมอว่าเราจำเป็นต้องศึกษา พระพุทธศาสนาไม่ได้แข็งแรงอย่างที่เรานึกหรอก เป็นสิ่งที่เปราะมาก เราจะเห็นสัทธรรมปฏิรูป ธรรมะปลอม เกิดขึ้นมาเป็นระยะๆ ไม่เคยขาด ไม่เคยหมด กลุ่มหนึ่งบูมขึ้นมา ช่วงหนึ่งเสื่อมไป ก็มีอันอื่นขึ้นมาแทน ไม่จบไม่สิ้น ปัญหาเพราะว่าชาวพุทธเราไม่เคารพในการศึกษาพระธรรมวินัย บางคนเคารพพระพุทธเจ้าก็เคารพในฐานะเทพเจ้า ในฐานะเทวรูป เคารพพระสงฆ์ในฐานะเป็นพระมีฤทธิ์มีเดช ทำเครื่องรางของขลัง เราจะนับถืออย่างนั้น อันนั้นไม่ใช่การนับถือแบบพุทธเลย ฉะนั้นจุดเร่งด่วนที่พวกเราต้องมี คือการศึกษาการปฏิบัติ ต้องทำ ไม่อย่างนั้นเราดำรงพระพุทธศาสนาเอาไว้ไม่ได้ คนที่จะทำลายพระพุทธศาสนา บางคนก็ไปมองว่า พวกศาสนาอื่นจะมาทำลาย พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอย่างนั้น ท่านบอกคนที่จะทำลายพระพุทธศาสนาได้ ก็คือพุทธบริษัทนั่นเอง ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา คือคนที่จะทำลายพระพุทธศาสนา เพราะไม่ได้ศึกษาธรรมะให้ถ่องแท้ แล้วก็เชื่อ คิดผิดๆ เชื่อผิดๆ แล้วก็พูดผิดๆ ออกไป ถ่ายทอดธรรมะที่ผิดออกไป มันมีโทษรุนแรง คือบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา นึกถึงที่หลวงปู่มั่นบอกเลยว่า “พระสัทธรรมเมื่อเข้าไปประดิษฐานอยู่ในจิตปุถุชน จะกลายเป็นสัทธรรมปฏิรูปทันทีเลย” มันจะเพี้ยนทันทีเลย หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 29 มิถุนายน 2567 |
Mon, 22 July 2024
|
Mon, 22 July 2024
|
Mon, 22 July 2024
การภาวนามีหลากหลาย จริตนิสัยคน พื้นฐานดั้งเดิมมันไม่เหมือนกันแต่ละคน วิธีปฏิบัติของแต่ละคนจะใช้อารมณ์กรรมฐานอะไร จะใช้วิธีแบบไหน ก็แล้วแต่ แต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่จําเป็นต้องเลียนแบบกัน หัดเลือก ไม่จําเป็นต้องเอาอย่างกัน แต่มีปัญญาวิเคราะห์ตัวเอง อะไรที่เหมาะกับเรา ปัญญาที่วิเคราะห์ตัวเองออก ตัวนี้เรียกว่าสัมปชัญญะ ไปสํารวจตัวเองว่าเราควรจะภาวนาแค่ไหน ตอนนี้ควรจะทำความสงบ หรือควรจะฝึกความตั้งมั่น หรือควรเจริญปัญญา ดูตัวเอง สํารวจใจ วันไหนฟุ้งซ่านมากทำความสงบ วันไหนจิตมีกําลังพอ รู้ทันจิตที่ไหลไปมา จิตก็ตั้งมั่น ถ้าจิตตั้งมั่นแล้วก็เจริญปัญญา จะเจริญด้วยการดูกาย ดูเวทนา หรือดูจิต ดูธรรมก็ได้ แล้วแต่จริตนิสัย จะเจริญปัญญาในสมาธิก็ได้ เข้าสมาธิแล้วออกมาเจริญปัญญาก็ได้ เจริญปัญญาด้วยจิตที่ตั้งมั่น แล้วมันเกิดอัปปนาสมาธิเข้าฌานทีหลัง ลีลาแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่มีกรรมฐานอะไรดีกว่ากรรมฐานอะไร แต่เราต้องมีปัญญามีสัมปชัญญะรู้ว่ากรรมฐานอะไรที่เหมาะกับเรา ไปดูตัวเอง ช่วยตัวเอง สํารวจตัวเอง หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 23 มิถุนายน 2567 |
Fri, 19 July 2024
|
Fri, 19 July 2024
|
Thu, 18 July 2024
|
Thu, 18 July 2024
|
Wed, 17 July 2024
|
Wed, 17 July 2024
|