Fri, 6 September 2024
ถ้าจิตเรามีกำลัง มีสมาธิพอ ตั้งมั่นขึ้นมา จะตั้งมั่นขึ้นมาด้วยการเข้าฌาน หรือโดยมีสติรู้เท่าทันจิตตัวเองก็ได้ แล้วจิตจะตั้งมั่นขึ้นมา พอจิตมันตั้งมั่นแล้วก็เดินปัญญา เห็นกายกับจิตเป็นคนละอันกัน เห็นเวทนากับร่างกายเป็นคนละอันกัน เห็นเวทนากับจิตเป็นคนละอันกัน เห็นสังขาร ความปรุงดีปรุงชั่วกับจิตเป็นคนละอันกัน อย่างเราเห็นความโกรธ รู้เลยความโกรธไม่ใช่จิต ความโกรธเป็นสิ่งที่ผ่านเข้ามา ให้จิตเห็นเท่านั้นเอง ถ้าจิตเราตั้งมั่น มันจะเริ่มแยก แยกขันธ์ได้ แยกธาตุได้ ค่อยๆ แยกออกไป แล้วเราจะเห็นร่างกายที่ถูกจิตรู้ ไม่ใช่เรา เวทนา ความรู้สึกสุขทุกข์ในร่างกาย ไม่ใช่ร่างกาย แล้วก็ไม่ใช่จิต แล้วก็ไม่ใช่เรา เวทนาทางใจคือความรู้สึกสุขทุกข์ ความรู้สึกไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่ใช่ร่างกาย ไม่ใช่เวทนาทางกาย แล้วก็ไม่ใช่จิต แล้วก็ไม่ใช่เรา กุศลอกุศลทั้งหลาย ไม่ใช่ร่างกาย ไม่ใช่เวทนา สุขทุกข์ ไม่ใช่จิต กุศลอกุศลทั้งหลายก็ไม่ใช่เรา หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 10 สิงหาคม 2567 |
Thu, 5 September 2024
ไปดูตัวเอง ถนัดรู้กาย เราก็รู้กาย ถนัดรู้เวทนา ก็รู้เวทนา ถนัดดูจิตที่เป็นกุศลอกุศล เราก็รู้จิตไป รู้ไปเรื่อยๆ แล้วต่อมาเราก็จะเห็นทุกอย่างที่เรารู้มันเป็นของถูกรู้ถูกดู ร่างกายก็ถูกรู้ เวทนาก็ถูกรู้ จิตที่เป็นกุศลอกุศลก็ถูกรู้ เราเริ่มเดินปัญญาแล้ว แล้วต่อมาเราเห็นความเป็นไตรลักษณ์ ร่างกายก็อยู่ใต้ไตรลักษณ์ เวทนาก็อยู่ใต้ไตรลักษณ์ จิตก็อยู่ใต้ไตรลักษณ์ อันนี้เราขึ้นวิปัสสนาแล้ว เราเดินไปในเส้นทางอันนี้ เส้นทางของสติปัฏฐาน เรียกว่าเอกายนมรรค คําว่าเอกายนมรรค หรือทางเอก เป็นทางสายเดียวเพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้น หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 4 สิงหาคม 2567 |
Wed, 4 September 2024
จุดสำคัญก็คือ เราจะต้องฝึกจิตให้ตั้งมั่นขึ้นมาให้ได้ ถ้าจิตเราตั้งมั่นแล้ว สติระลึกรู้ร่างกาย ก็จะเห็นว่าร่างกายถูกรู้ถูกดูไม่ใช่ตัวเรา ถ้าจิตเราตั้งมั่นแล้วสติระลึกรู้เวทนาคือความรู้สึกสุขทุกข์ ก็จะเห็นว่าความสุขความทุกข์ไม่ใช่ตัวเราของเรา ถ้าจิตเราตั้งมั่นอยู่ สติระลึกรู้กุศลอกุศล อย่างโลภโกรธหลง มันก็จะเห็น กุศลอกุศลโลภโกรธหลงอะไรไม่ใช่ตัวเรา นี่เราฝึกมากเข้ามากเข้า เราก็จะเห็นว่าบางครั้งจิตก็เป็นผู้รู้ บางครั้งจิตก็เป็นผู้หลง จิตที่เป็นผู้รู้มันก็ถูกรู้ จิตที่เป็นผู้หลงมันก็ถูกรู้ สุดท้ายกระทั่งจิตก็ไม่ใช่ตัวเราไม่ใช่ของเรา หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 29 กรกฎาคม 2567 |
Wed, 4 September 2024
เวลาที่เราภาวนา เราเจริญปัญญา เจริญปัญญารวดไปเลยไม่ได้ เจริญปัญญาพอประมาณ พอจิตใจจะหมดกำลัง หยุด ไม่ต้องเจริญปัญญา น้อมจิตเข้าหาอารมณ์อันเดียว ที่มีความสุขอย่างต่อเนื่อง ทำความสงบเข้ามา ถ้าไม่ทำความสงบเลย มันจะเกิดวิปัสสนูปกิเลส เดินปัญญาแล้ว มันจะเกิดวิปัสสนูปกิเลส 10 ข้อ ไม่ต้องไปสู้กับมัน ถ้ามันเกิดวิปัสสนูปกิเลส ทำความสงบเข้ามา ถ้าจิตถึงฐานตั้งมั่นขึ้นมาเมื่อไร วิปัสสนูปกิเลส 10 ตัวหายหมดเลย มันแพ้สมาธิที่ถูกต้อง หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 3 สิงหาคม 2567 |
Tue, 3 September 2024
|
Tue, 3 September 2024
|
Tue, 3 September 2024
เราจะต้องมาหัดเจริญสติปัฏฐานให้ได้ เพื่อวันหนึ่งเราจะได้เข้าถึงฝั่งของพระนิพพาน เราจะเข้าถึงความสุขที่อมตะ เป็นความสุขที่เป็นโลกุตตระ เป็นความสุขที่พ้นจากความปรุงแต่งทั้งหลายทั้งปวง มีอยู่นะความสุขที่พ้นความปรุงแต่ง ไม่ใช่มีแต่ความสุขที่ต้องอาศัยความปรุงแต่งอย่างที่พวกเราแสวงหากัน ต้องมีเงินเยอะๆ ต้องมีชื่อเสียง ต้องมีเมียสวย ต้องมีลูกฉลาด มีเงื่อนไขเยอะแยะเลย หรือต้องเข้าฌานถึงจะมีความสุข วันไหนฌานเสื่อมไม่มีความสุข อันนี้ความสุขอย่างนี้ยังเหลวไหลอยู่ เอาเป็นที่พึ่งที่อาศัยจริงไม่ได้ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 28 กรกฎาคม 2567 |
Mon, 2 September 2024
|
Mon, 2 September 2024
|
Mon, 2 September 2024
ลีลาอาการของการปฏิบัติมีหลากหลาย จับหลักให้แม่นเท่านั้นล่ะแล้วก็จะเดินได้ ถ้าจะทำสมถะ น้อมจิตไปอยู่ในอารมณ์อันเดียว ที่มีความสุขอย่างต่อเนื่อง ถ้าจะทำวิปัสสนา มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง จิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง เกิดจากมีสติรู้ทันจิตที่ไม่ตั้งมั่น และไม่เป็นกลาง ถ้าเรารู้จิตที่ไม่ตั้งมั่น คือจิตที่ไหล ทันทีที่เรารู้ว่าจิตไหลไป จิตที่ไหลจะดับ จิตตั้งมั่นจะเกิด ไหลไปคิด รู้ทันว่าจิตไหลไปคิดปุ๊บ จิตไหลไปคิดดับ จิตตั้งมั่นจะเกิด จิตผู้รู้จะเกิดขึ้น เราจะต้องมีจิตตัวนี้ เราถึงจะเดินวิปัสสนาได้จริง หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 27 กรกฎาคม 2567 |
Sat, 31 August 2024
|
Fri, 30 August 2024
|
Fri, 30 August 2024
|
Fri, 30 August 2024
สติรู้สึกในกาย เห็นกายอย่างที่กายเป็น มีสติอ่านจิตใจตัวเองไป จะเห็นจิตใจอย่างที่มันเป็น จิตใจมันมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เพราะมีการกระทบอารมณ์ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เราเลือกอารมณ์ไม่ได้ แล้วเราก็เลือกความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ แต่สิ่งที่เหมือนกันทั้งหมดก็คือ อารมณ์ทุกชนิดเกิดแล้วดับ ไม่มีอะไรยั่งยืนตลอดกาล อย่างเราอยากได้ความสุขนิรันดร มันไม่มีในโลก แต่เราภาวนาจนเมื่อไรใจของเราสิ้นความอยาก เมื่อใจเราสิ้นความอยาก คือใจมันเข้าใจความจริงของร่างกาย เข้าใจความจริงของจิตใจแล้ว มันจะสิ้นความอยาก มันจะหมดความอยากว่า อยากไม่แก่อยากไม่เจ็บอยากไม่ตาย หมดความอยากว่า จะต้องไม่เจอสิ่งที่ชั่วร้ายสิ่งที่ไม่ชอบ จะต้องเจอแต่สิ่งที่ชอบ ถ้าใจไม่มีความอยากใจก็จะไม่ดิ้นรน เมื่อใจไม่ดิ้นรนใจจะเข้าถึงความสงบสุขที่แท้จริง คือความสงบของพระนิพพาน หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 22 กรกฎาคม 2567 |
Thu, 29 August 2024
|
Thu, 29 August 2024
|
Thu, 29 August 2024
เราไม่จําเป็นต้องรู้ทุกอย่างหรอก กรรมฐานสําหรับคนๆ หนึ่งไม่มากมายอะไร ทําให้ได้สักอย่างหนึ่ง แล้วถ้าจิตมันสนใจใคร่รู้ มันก็จะรู้อันอื่นเนื่องกันไปหมด เชื่อมโยงกันไปหมด ในสติปัฏฐาน 4 ถ้าเราแจ้งอันใดอันหนึ่ง เราก็จะแจ้งเกี่ยวเนื่องกันไปหมด เหมือนโต๊ะตัวนี้มี 4 มุม เราจับมุมเดียวลากขึ้นมา โต๊ะมันก็ขึ้นมาได้ทั้งหมด หรือกระทั่งสมถะอย่างกสิณ 10 เราเล่นกสิณ สมมติเล่นกสิณไฟได้อันหนึ่ง ไปเล่นกสิณอื่นก็เล่นไม่ยากแล้ว เพราะฉะนั้นกรรมฐานเราไม่ต้องเรียนทีเดียวเยอะๆ ถนัดอันไหนเอาอันนั้นล่ะ เอาที่เราถนัดเอาอันเดียวก็พอแล้ว ถนัดอานาปานสติก็ใช้อานาปานสติ ถนัดกายคตาสติก็ใช้ หรือถ้าคิดถึงทำทานบ่อย ทำแล้วมีความสุข รักษาศีลแล้วมีความสุข ก็คิดถึงไป จิตมีสมาธิพอจิตมีสมาธิก็ค่อยมาน้อมจิตออกไปดูไตรลักษณ์ ไปดูรูปธรรมนามธรรมแสดงไตรลักษณ์ อันนี้จะแยกกันระหว่างการทําสมถะทําเสร็จ แล้วก็มาเจริญวิปัสสนา การปฏิบัติมันสารพัดที่จะพลิกแพลง ลีลาอาการการปฏิบัติของคนแต่ละคนแตกต่างกัน ทางใครทางมัน หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 21 กรกฎาคม 2567 |
Wed, 28 August 2024
|
Wed, 28 August 2024
|
Wed, 28 August 2024
รรมะที่ท่านแสดงเป็นกัณฑ์แรก เรียกว่าปฐมเทศนา ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ธัมมจักฯเป็นบทธรรมะที่น่าเรียนมากเลย พวกเราส่วนใหญ่ที่ชอบปฏิบัติ อยู่ๆ ก็ไปนั่งสมาธิ ไปเดินจงกรมอะไรกัน วุ่นวายไปหมด คิดว่าทำแล้วจะดี นี่เพราะไม่ได้เรียนธัมมจักฯให้ดีเสียก่อน ธัมมจักฯไม่ได้เริ่มต้นว่าให้ทำอย่างไรแล้วจะดี แต่ท่านเริ่มต้นจากสิ่งที่ไม่ถูก 2 อย่าง คือการที่เราปล่อยตัวปล่อยใจตามกิเลส สนองกิเลสไปเรื่อยๆ อันนี้ท่านบอกว่ามันย่อหย่อนไป ในธัมมจักฯเริ่มต้นก็บอกเลยว่า มีสิ่ง 2 สิ่งที่ผู้ปฏิบัติไม่ควรเอา อันที่หนึ่งก็คือการปล่อยตัวปล่อยใจตามกิเลส เพลิดเพลินไป อันที่สองก็คือการทำตัวเองให้ลำบาก บังคับกาย บังคับใจ มันลำบาก แล้วเส้นทางที่เป็นทางสายกลาง ไม่สุดโต่ง 2 ฝั่ง คือเส้นทางเดินของอริยมรรคมีองค์ 8 ท่านสอนอย่างนี้ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 20 กรกฎาคม 2567 (ช่วงเย็น) |
Tue, 27 August 2024
|
Tue, 27 August 2024
|
Mon, 26 August 2024
|
Sat, 24 August 2024
|
Sat, 24 August 2024
|