ท่านสอนให้เจริญสติปัฏฐาน การเจริญสติปัฏฐานพัฒนาเครื่องมือสำคัญขึ้นมาคือสติ แล้วใช้สตินั้นไปเจริญปัญญา จิตที่มีสติก็ประภัสสร เพราะขณะนั้นไม่มีกิเลส จิตเป็นกุศล ผ่องใส ประภัสสร พอได้จิตที่ผ่องใสประภัสสร มีสติอยู่ ก็เอาสตินั้นล่ะ เอาจิตอันนั้นล่ะไปเจริญปัญญา ไปเรียนรู้ความจริงของรูปธรรมนามธรรมทั้งหลาย ถ้าทำมาถูกต้อง อันแรกเลยคือพัฒนาจิตขึ้นมา ให้เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน พัฒนาจิตขึ้นมาสู่ความประภัสสร ไม่ถูกกิเลสครอบงำ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง จิตเป็นกุศล แล้วใช้จิตนั้นไปเจริญปัญญา เกือบร้อยละ 100 ของผู้ปฏิบัติมันไม่มีจิตตัวนี้ ไม่มีจิตประภัสสร นั่งสมาธิก็เคร่งเครียด อันนั้นมีโทสะ นั่งแล้วก็ติดในความสุข ความสบาย นั่นเป็นโลภะ นั่งแล้วก็เคลิบเคลิ้ม ลืมเนื้อลืมตัว อันนั้นเป็นโมหะ มันเป็นจิตที่มีกิเลสจรมาครอบงำจิตเรียบร้อยแล้ว ก็เลยไม่มีจิตประภัสสร หรือครูบาอาจารย์ท่านเรียกว่าจิตผู้รู้ จิตผู้รู้ก็คือจิตประภัสสรนั่นเอง เป็นจิตที่ไม่เจือปนด้วยกิเลส มีสติอยู่ เป็นกุศลจิต เราจะต้องพัฒนาจิตดวงนี้ขึ้นมาให้ได้ ถ้าเราพัฒนาจิตดวงนี้ขึ้นมาไม่ได้ เราไปเจริญปัญญาไม่ได้จริง เราเอาจิตที่ปนเปื้อนด้วยกิเลสไปเจริญปัญญา ความรู้ความเห็นนั้นจะเจือปนด้วยอคติ จะมีอคติ เพราะว่ามันมีกิเลสในการมอง ฉะนั้นผลลัพธ์ที่ออกมาเลยไม่ใช่ของจริง หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 27 สิงหาคม 2566

Direct download: 660827.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07