ถ้าเรามีสติปัญญา เราเห็นจิตมันขาดออกจากกัน เหมือนเราเห็นฟิล์มหนัง รูปแต่ละรูปของฟิล์มหนัง มันคนละรูปกัน แต่ว่าพอเอามาเข้าเครื่อง มันก็เกิดภาพลวงตา มีตัวละครอยู่ตัวเดียวนี้ล่ะ เคลื่อนไหวไปมาได้ อันนี้เพราะว่ามันเกิดสันตติ คือความสืบต่อสืบเนื่อง เอารูปมาเรียงๆๆ กัน ต่อกันอย่างรวดเร็ว ก็เลยรู้สึกว่ามีตัวตนขึ้นมา ตัวตนนี้ล่ะเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง อันนี้เวลาเราหัดดูจิตดูใจ ทีแรกเราก็จะเห็นจิตมีดวงเดียว เดี๋ยวก็วิ่งไปทางตา แล้วก็วิ่งกลับมา วิ่งไปทางหูแล้วก็วิ่งกลับมา อันนี้สันตติยังไม่ขาด ยังไม่ขึ้นวิปัสสนาหรอก ไม่ใช่วิปัสสนา เรามีสติเห็นตัวสภาวะ เห็นจิต แต่เราไม่มีปัญญา ที่จะแยกว่าจิตที่เกิดขึ้นนี้ มันเกิดดับสืบเนื่องกันอย่างรวดเร็ว สันตติขาด เราก็จะรู้ว่าจริงๆ จิตดวงหนึ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ดวงใหม่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ดวงที่ใหม่กว่าเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เราจะเห็นมันเกิดดับๆๆ สืบเนื่องกัน ตัวนี้เรียกว่าเห็นอนิจจังของจิต แล้วมันก็ทำลายภาพลวงตา ที่เดิมเราคิดว่า โอ๊ย จิตมีดวงเดียว จิตคือตัวเราวิ่งไปวิ่งมา ออกไปเสพอารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ คราวนี้พอมันขาดออกเป็นตัวๆ ไป เป็นดวงๆ ไป เราจะพบว่ามันไม่ใช่ตัวเรา มันมีแต่ของที่เกิดแล้วดับ ไม่มีอะไรที่เป็นตัวตน เป็นอมตะ ถาวร ตรงนี้เป็นปัญญาชั้นละเอียดของเราชาวพุทธ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 23 กันยายน 2566

Direct download: 660923.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07