เวลาเราภาวนาแล้วจิตเราไม่สงบ เราพยายามจะให้สงบ ทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้ มันยิ่งฟุ้งซ่าน ตรงที่อยากทำแล้วก็ดิ้นรนทำ จะทำให้ฟุ้งซ่านมากขึ้น แต่ถ้าเราตัดที่ต้นตอของมัน เรารู้ จิตฟุ้งซ่านเราไม่ชอบ รู้ว่าไม่ชอบ ความไม่ชอบดับ จิตเป็นกลาง พอจิตเป็นกลาง ความฟุ้งซ่านทนอยู่ไม่ได้ มันดับขาดสะบั้นทันทีเลย พอจิตเป็นกลางได้ มันตั้งมั่นอัตโนมัติอยู่แล้ว มันตั้งมั่น มันเป็นกลางขึ้นมา ก็เอื้อให้เกิดปัญญา ปัญญาทำหน้าที่ตัดสิ่งที่ไม่ดีออกไป อย่างความฟุ้งซ่านอย่างนี้ พอความฟุ้งซ่านเกิด สติรู้ทัน จิตตั้งมั่น จิตเป็นกลาง จะเกิดปัญญา ปัญญาก็ตัดความฟุ้งซ่านขาดสะบั้นออกไป จิตก็ตั้งมั่น สงบ เด่นดวงอยู่ เพราะฉะนั้นไม่ต้องพยายามทำจิตให้สงบ ไม่ต้องทำจิตให้ตั้งมั่น ให้รู้ทันเวลามันไม่สงบ เวลามันไม่ตั้งมั่น พอรู้ทันแล้วสังเกตลงไป จิตยินดีให้รู้ทัน จิตยินร้ายให้รู้ทัน ถ้าเราถอดถอนความยินดียินร้ายเสียได้ ความดิ้นรนปรุงแต่งของจิตมันก็หยุด จิตมันก็สงบ ตั้งมั่น เด่นดวง เป็นกลาง ง่าย ง่ายมาก แต่ถ้าเราไม่รู้วิธี โอ๊ย ยาก อย่างจิตเราฟุ้งซ่าน ไปนั่งสมาธิไปเดินจงกรม เมื่อไรมันจะสงบ เขาฝึกสมาธิก็ฝึกกันเป็นสิบๆ ปี ถึงจะชำนิชำนาญ ไม่ทันกิเลสของคนรุ่นนี้ ฉะนั้นอาศัยสติรู้ทันลงไป จิตฟุ้งซ่าน รู้ทัน จิตยินร้ายต่อความฟุ้งซ่าน รู้ทัน แล้วจิตจะสงบเอง ตั้งมั่นเอง อันนี้คือการใช้ปัญญานำสมาธิ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 16 กันยายน 2566

Direct download: 660916.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07