Direct download: 651113_VT1_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

หลวงพ่อบอกให้พวกเราคอยรู้สึกกายรู้สึกใจ ไม่ใช่โมเมพูด มันก็คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน สอนตั้งแต่ปัญจวัคคีย์ ในอนัตตลักขณสูตร สูตรที่สอง ต่อจากธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ก็ขึ้นมาสู่ อนัตตลักขณสูตร สอนถึงความเป็นอนัตตา อนัตตาก็คือมันเป็นของที่ไม่ควรยึดควรถือ รูปไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นมันทุกข์ สิ่งซึ่งมันเป็นทุกข์ คือมันถูกบีบคั้นให้แตกสลาย ไม่ควรยึดถือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เที่ยง ถูกบีบคั้นให้แตกสลาย ไม่ควรยึดถือ พระปัญจวัคคีย์ ท่านรู้แจ่มแจ้งด้วยจิตใจอย่างถ่องแท้ ไม่ใช่รู้ด้วยการฟังแล้วก็คิดเอา แต่ท่านเห็นความจริงเอา เห็นความจริงของขันธ์ทั้ง 5 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ขันธ์ทั้ง 5 ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ท่านก็หมดความยึดถือในขันธ์ทั้ง 5 หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วันสวนสันติธรรม 30 เมษายน 2566

Direct download: 660430.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

สติระลึกรู้กาย สัญญาหมายรู้ความเป็นไตรลักษณ์ของกาย ปัญญาก็เกิด สติระลึกรู้เวทนา ความรู้สึกสุขทุกข์ สัญญาหมายรู้อย่างถูกต้อง ปัญญาก็เกิดก็วาง พอปัญญาเกิดมันจะละ มันจะวาง มันจะเป็นตัวตัด ปล่อยวาง มันวางของมันเอง ไม่มีใครสั่งปัญญาให้เกิดได้หรอก อาศัยการเจริญสติ แล้วก็หมายรู้ให้ถูกไปเรื่อยๆ นั่งอยู่อย่าไปคิดว่าเรานั่ง พยายามรู้สึกไป ถ้ามันมองไม่เห็นด้วยตัวเอง พยายามรู้สึกว่ารูปมันนั่ง ร่างกายมันนั่ง ดูอย่างนี้เรื่อยๆ ต่อไป ไม่ได้เจตนา เวลาร่างกายเคลื่อนไหว มันเห็นรูปมันเคลื่อนไหว ไม่ใช่เราเคลื่อนไหว พอมีความหมายรู้ถูก เกิดความคิดถูก ต่อไปก็เกิดความเห็นถูก ตัวความเห็นถูกนั้น ตัวปัญญา ฉะนั้นหมายรู้ให้ถูก แล้วก็ความเห็นถูกคือตัวปัญญามันก็จะเกิด หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วันสวนสันติธรรม 29 เมษายน 2566

Direct download: 660429.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 5:00pm +07

Direct download: 651112_VQ_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 651112_VT2__.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

Direct download: 651112_VT1_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

ถ้าเรามีสติที่ถูกต้อง สมาธิที่ถูกต้องก็จะเกิด ถ้าเราไม่มีสติที่ถูกต้อง สมาธิที่ถูกต้องก็ไม่มี การเจริญปัญญาหรือการทำวิปัสสนากรรมฐานก็ทำไม่ได้ มรรคผลก็ไม่มีทางเกิด เพราะฉะนั้นเราจะต้องรู้อย่างหนึ่ง สติสำคัญมาก เป็นธรรมะที่มีอุปการะมาก ท่านยกไว้ 2 ตัว สติกับสัมปชัญญะว่าเป็นธรรมที่มีอุปการะมาก ที่จะคอยช่วยเหลือคุ้มครองเราจนถึงความบริสุทธิ์หลุดพ้น สติเป็นตัวรู้เท่าทันความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของกายของใจเรา ฉะนั้นสติที่รู้กายรู้ใจ เรียกว่าสติปัฏฐาน สติอย่างอื่นไม่เรียกว่าสติปัฏฐาน เขาเรียกว่าเป็นสติเฉยๆ ไม่ใช่สัมมาสติ สิ่งที่เป็นสัมมาสติ คือสติปัฏฐาน จำไว้เลย พระพุทธเจ้าบอกเลยว่าสัมมาสติ อธิบายด้วยสติปัฏฐาน 4 ก็คือให้เราคอยรู้สึกกายในกายเนืองๆ รู้สึกเวทนาในเวทนาเนืองๆ รู้สึกจิตในจิตเนืองๆ รู้สึกธรรมในธรรมเนืองๆ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช บ้านจิตสบาย 23 เมษายน 2566

Direct download: 660423.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

เมื่อไรไม่มีราคะ โทสะ โมหะ เมื่อนั้นจิตก็ประภัสสร สว่าง ผ่องใส สบาย มีความสุข จิตที่ประภัสสรมันจะมีเวทนา คือความรู้สึกได้ 2 อย่าง คือมีความสุขเรียกว่าโสมนัสเวทนา กับอุเบกขาเวทนา ไม่สุข ไม่ทุกข์ เฉยๆ ตัวจิตที่ประภัสสรนี้ เรียกภาษาที่ครูบาอาจารย์แต่ก่อนท่านเรียก คือจิตผู้รู้ จิตผู้รู้นี้ผ่องใสแต่ไม่บริสุทธิ์ ต้องมาฝึกวิปัสสนากรรมฐานต่อไป เพื่อชำระล้างจิตผู้รู้ตัวนี้ หรือจิตประภัสสรตัวนี้ ชำระล้างจนมันเข้าถึงความบริสุทธิ์ “บุคคลเข้าถึงความบริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา” ปัญญาก็คือการที่เราเห็นจิตใจของเรานี้ ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ จิตที่เป็นจิตประภัสสรนั้น เดี๋ยวก็เศร้าหมอง เวลากิเลสมา จะห้ามกิเลสไม่ให้มา ก็ห้ามไม่ได้ กิเลสก็เป็นอนัตตา จิตก็เป็นอนัตตา เราก็จะเห็นว่าจิตเดี๋ยวก็ผ่องใส เดี๋ยวก็เศร้าหมอง เฝ้ารู้เฝ้าดูอย่างนี้ ต่อไปปัญญามันก็เกิด จิตประภัสสร หรือจิตที่ผ่องใส หรือจิตผู้รู้นั้น สั่งให้เกิดก็ไม่ได้ เกิดแล้วรักษาไว้ก็ไม่ได้ จะห้ามกิเลสไม่ให้จรมาก็ไม่ได้ กิเลสมาแล้วจะไล่มันก็ไม่ไป แต่พอมีสติรู้ทันเท่านั้นเอง กิเลสดับทันทีเลย จิตก็ประภัสสรทันทีเลย หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วันสวนสันติธรรม 22 เมษายน 2566

Direct download: 660422.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

Direct download: 651106_VT2_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

พวกเราควรจะมีที่พักของจิต มีบ้านให้จิตพักผ่อนบ้าง เวลาเราทำงานตรากตรำมาก เรายังต้องกลับมาบ้าน ไม่มีบ้าน เราก็มีห้องเช่า เราไปอยู่ที่โน่นที่นี่ ไม่มีจริงๆ เราก็อยู่ใต้ต้นไม้ มันก็ต้องมีที่อยู่ พอเรามีที่อยู่ จิตใจเราก็มีความสุข มีเรี่ยวมีแรงขึ้นมา พร้อมที่จะต่อสู้กับกิเลสต่อไป ถ้าเป็นร่างกาย เราเหน็ดเหนื่อย เราก็พักผ่อน มีแรงแล้วเราก็พร้อมที่จะไปทำงานต่อ ส่วนจิตใจ งานของจิตใจของเราคือกรรมฐานทั้งหลาย ให้จิตเราได้มีที่พักบ้าง มิฉะนั้นเราโหดร้ายกับจิตตัวเอง เคี่ยวเข็ญมันมากไป จนมันไม่เคยมีความสงบเลย เหมือนเรามีทาสอยู่คนหนึ่ง เราก็ใช้มันทำงานทั้งวันทั้งคืน ไม่ให้มันพักเลย ไม่นานมันก็ตาย จิตนี้เราใช้งานมันตลอดเวลา ใช้คิด ใช้นึก ใช้ปรุง ใช้แต่ง แล้วมันก็ปนเปื้อน กระทบฝุ่นละออง คือกิเลส มอมแมมทั้งวัน ไม่มีความสุข ไม่มีความสงบ แล้วมันก็เสียธรรมชาติเดิมของมันที่มันประภัสสร ธรรมชาติเดิมของจิตประภัสสร ผ่องใส ฉะนั้นการที่เราทำสมาธิ เพื่อให้จิตมันรวมเข้ามาสงบ ประภัสสร แล้วถัดจากนั้นจิตเรามีกำลังมากพอแล้ว ก็จะก้าวไปสู่ขั้นการเจริญปัญญา หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วันสวนสันติธรรม 16 เมษายน 2566

Direct download: 660416.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

Direct download: 651106_VT1_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

สิ่งที่เป็นพระพุทธเจ้าจริงๆ คือตัวคุณธรรม คุณธรรมของพระพุทธเจ้ามีอะไรบ้าง ท่านมีปัญญาธิคุณ ท่านตรัสรู้ได้ด้วยตัวเอง เราที่เป็นสาวก กระทั่งอรหันตสาวก ไม่มีปัญญาธิคุณอันนี้ เรามีกรุณาธิคุณเหมือนพระพุทธเจ้าไหม สาวกมีไม่เหมือนพระพุทธเจ้า มีไม่เท่า พระพุทธเจ้าตกนรกไปช่วยคนก็ยังได้ สาวกก็ยังไม่ค่อยกล้าหาญขนาดนั้น ความกรุณานี้ไม่เท่าเทียม บางองค์บรรลุแล้วไม่สอนใครเลย ก็นิพพานไปเลย ไม่สงเคราะห์โลก ความกรุณาของสาวกไม่เท่า ปัญญาไม่เท่า พอพิจารณามาถึงความบริสุทธิ์ พระพุทธเจ้าบริสุทธิ์ พระสาวกก็บริสุทธิ์ เป็นอันเดียวกัน ความรู้สึกมันจะรู้สึกว่า จิตที่บริสุทธิ์นั้น ที่เราพัฒนาขึ้นมา กับความบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้า เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แล้วจะรู้ทันทีเลย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รวมเป็นหนึ่งเดียวกันเลย จากสามก็เป็นหนึ่ง เป็นอันเดียวกันหมด ฉะนั้นเราภาวนา วันหนึ่งเราจะเจอพระพุทธเจ้าตัวจริง เราจะเจอพระพุทธเจ้าตัวจริงได้ ใจเราต้องสะอาด เราต้องล้างความสกปรกด้วยศีล ด้วยธรรม หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วันสวนสันติธรรม 15 เมษายน 2566

Direct download: 660415.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

การภาวนาต้องทำสม่ำเสมอ ทำบ้างหยุดบ้าง ไม่ได้ผลหรอก เราหยุดเมื่อไร กิเลสก็ลากเราลงต่ำไป กว่าจะดิ้นรนกลับขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง มันใช้แรงเยอะ ถ้าทำแล้วก็หยุดๆ มันก็อยู่ตรงนั้น หรือไม่ก็นานๆ ก็หมดกำลังที่จะปฏิบัติ มันต้องอดทนจริงๆ ตัดสินใจให้เด็ดขาดลงไปเลย จะปฏิบัติ ไม่ใช่ทำเล่นๆ ถ้าเราทำถูกแล้วก็ทำสม่ำเสมอ มันจะมีพัฒนาการที่มองเห็นได้ด้วยตัวเอง เส้นทางนี้ไม่ได้ยาก แต่เส้นทางนี้เป็นเส้นทางของคนจริง หมายถึงคนที่เข้มแข็ง เอาจริงเอาจังในการที่จะเรียนรู้ตัวเอง เราทำกรรมฐานที่ดีถูกต้อง เราก็ได้รับผลเป็นความร่มเย็นในจิตใจ การที่เราเจริญศีล สมาธิ ปัญญา นี่เรียกเราเจริญเหตุที่เป็นตัวมรรค ผลคือความพ้นทุกข์ ก็จะมาถึงในวันหนึ่ง หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วันสวนสันติธรรม 9 เมษายน 2566

Direct download: 660409.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

Direct download: 651105_VT2_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

เราฝึกมีสติอยู่ในชีวิตของเรานี้ล่ะ จิตใจของเราเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง คอยรู้สึกไปเรื่อยๆ แล้วมันจะรู้ได้เร็วขึ้นๆ ทีแรกโกรธแรงๆ ถึงรู้ ต่อไปขัดใจเล็กๆ ก็เห็นแล้ว ทีแรกก็เริ่มต้นเล็กๆ น้อยๆ นี้ล่ะจุดเริ่มต้น ต่อไปมันก็เชี่ยวชาญขึ้น เก่งขึ้น เหมือนกิเลสเหมือนกัน ก่อนที่กิเลสจะตัวใหญ่ ก็กิเลสตัวเล็กมาแล้ว แล้วเรารู้ไม่ทัน กิเลสก็ขยายตัวขึ้น จนกระทั่งครอบจิตใจเราได้ ฉะนั้นเราคอยอ่านจิตอ่านใจตัวเอง เรียกว่าเราปฏิบัติอยู่ตลอดเวลา อ่านใจตัวเองไปเรื่อยๆ แล้วถ้าช่วงไหนจิตใจเราฟุ้งซ่าน อ่านใจตัวเองไม่ออก ถ้าอ่านใจตัวเองไม่ออก ให้รู้สึกร่างกายไว้ ถ้าเราปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ เราจะพัฒนาเร็วมากเลย ถ้าเก่งเฉพาะทำในรูปแบบ นั่งสมาธิ เดินจงกรม เก่งตอนนั้น อยู่ในชีวิตประจำวันปฏิบัติไม่เป็น อ่านจิตอ่านใจไม่ออก รู้สึกกายไม่เป็น ยังไกล หลวงปู่มั่นท่านสอน หลวงพ่อฟังมาจากหลวงปู่สุวัจน์ ตอนท่านไปเรียนกับหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นสอนบอกว่า “ดูจิตได้ให้ดูจิต ดูจิตไม่ได้ให้ดูกาย ดูจิตไม่ได้ ดูกายไม่ได้ ให้ทำสมถะ ทำสมาธิไป” ทำสมาธิ มันจะได้เกิดกำลัง กลับไปดูจิตได้ ค่อยๆ ฝึกอย่างนี้ แล้วท่านก็สอน สรุป บอกว่า “หัวใจของการปฏิบัติ ตัวสำคัญที่สุด คือการเจริญสติในชีวิตประจำวัน” นั่งสมาธิเก่ง เดินจงกรมเก่ง แต่เจริญสติในชีวิตประจำวันไม่เป็น กิเลสลากไปกินทั้งวันเลย แล้ววันหนึ่งก่อนนอน 1 ชั่วโมงไปนั่งสมาธิ ก็หลงมา 20 ชั่วโมงแล้ว ไปนั่งสมาธิชั่วโมงหนึ่ง สู้กันไม่ไหว ฉะนั้นเราอย่าละเลยการเจริญสติในชีวิตประจำวัน หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วันสวนสันติธรรม 8 เมษายน 2566

Direct download: 660408.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

Direct download: 651105_VT1_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 651030_VQ2__.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

เวลาเราภาวนา เราก็สังเกตจิตใจของเราไป เราจะพบว่าจิตใจของเราแต่ละวันไม่เหมือนกันหรอก บางวันสงบ บางวันฟุ้งซ่าน บางวันกิเลสแรง บางวันกิเลสไม่แรง สังเกตไปเรื่อยๆ ค่อยๆ ดู ค่อยๆ รู้ไป แต่ละวันจิตใจของเราไม่เคยเหมือนกันเลย แล้วเราก็บังคับไม่ได้ เขาสอนธรรมะเรา สอนความไม่เที่ยงให้เราเห็น วันนี้เป็นอย่างนี้ๆ มีแต่ความไม่เที่ยง แล้วก็เป็นอนัตตา บังคับไม่ได้ สั่งให้ดีก็ไม่ได้ ห้ามชั่วก็ไม่ได้ สั่งให้สุขก็ไม่ได้ ห้ามทุกข์ก็ไม่ได้ ค่อยๆ สังเกต แต่ละวันจิตเราไม่เหมือนกัน พอเราดูตรงนี้ออก เราก็มาสังเกตให้ละเอียดขึ้นไป ในวันเดียวกัน แต่ละช่วงเวลา จิตใจเราก็ไม่เหมือนกัน ตอนเช้า จิตใจเราแบบหนึ่ง ตอนสาย ตอนบ่าย ตอนเย็น ตอนค่ำ ตอนดึก วันเดียวกันแท้ๆ จิตใจเราก็ไม่ค่อยเหมือนกันแล้ว เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เราสังเกตตัวเอง เริ่มสังเกตหยาบๆ หัดสังเกตว่าแต่ละวันจิตใจเราไม่เหมือนกัน ต่อมาเราก็สังเกตได้ละเอียดขึ้น ในวันเดียวกัน แต่ละช่วงเวลา จิตใจเราไม่เหมือนกัน เราค่อยๆ ปฏิบัติ ทำสม่ำเสมอไป เราก็เห็นได้ประณีตขึ้น ทีแรกรู้หยาบๆ แต่ละวันจิตเราไม่เหมือนกัน ในวันเดียวกัน เช้า สาย บ่าย เย็น ไม่เหมือนกัน นึกถึงวันก่อนช่วงเวลาเดียวกัน แต่ละวัน จิตใจก็ไม่เหมือนกัน พอดูได้ละเอียด เราจะเห็นจิตใจเราเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ในช่วงเวลาเช้าๆ จิตก็เปลี่ยนไปตั้งเยอะตั้งแยะ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วันสวนสันติธรรม 2 เมษายน 2566

Direct download: 660402.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

Direct download: 651030_VQ1_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 651030_VT2__2_.mp3
Category:short clips -- posted at: 4:00pm +07

Direct download: 651030_VT1_.mp3
Category:short clips -- posted at: 3:11pm +07

พวกเราไม่มีพระพุทธเจ้ามาเร่งเร้าเราแล้ว ก็ต้องฝึกตัวเอง กระตุ้นตัวเอง คนที่อินทรีย์แก่กล้า มันกระตุ้นตัวเองได้ พวกอินทรีย์อ่อนๆ พอห่างครูบาอาจารย์ไปแล้วใจก็ฝ่อ ขี้เกียจปฏิบัติ ไปเพลินๆ อยู่กับโลก ฉะนั้นนักปฏิบัติจำนวนมาก ก็จะมีเพื่อน เป็นเพื่อนที่ปฏิบัติด้วยกัน เรียกโก้ๆ ว่ามีกัลยาณมิตร อย่างเวลาเราภาวนา เรามีเพื่อนไปหาครูบาอาจารย์ด้วยกัน ไปฟังด้วยกัน แล้วก็มาลงมือปฏิบัติ เวลาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งท้อแท้ใจ อีกฝ่ายหนึ่งก็กระตุ้นเร่งเร้า มันท้อได้ไม่นาน ถ้าเรามีเพื่อนร่วมทางที่ดี แต่ถ้าเพื่อนร่วมทางไม่ดี อย่ามีดีกว่า ไปคนเดียวดีกว่า พระพุทธเจ้าท่านก็บอกว่า ถ้าเราไม่มีเพื่อนร่วมทางที่ดีกว่าเรา หรือเสมอกับเรา ไปคนเดียวดีกว่า พวกไม่เอาไหนมันถ่วงเรา ทำให้เราขี้เกียจปฏิบัติ หรือท้อใจที่จะปฏิบัติ การมีเพื่อนร่วมทางที่ดี มันหนุน มันเสริมซึ่งกันและกัน เวลาคนหนึ่งขี้เกียจ อีกคนหนึ่งขยันอยู่ กระตุ้นกัน โอ๊ย เราจะขี้เกียจได้อย่างไร เพื่อนเราเขายังภาวนาเข้มแข็งอยู่เลย แล้วเราจะมาขี้เกียจอยู่ ไม่ได้เรื่อง การจะหาเพื่อนร่วมทาง ก็ต้องเลือกให้ดี หลักก็คือหาคนที่ดีกว่าเรา มีศีล มีธรรม หรือเสมอกันอย่างต่ำ ฉะนั้นเพื่อนสำคัญในชีวิตเรา คู่ชีวิตเรา แต่ละคนก็มี มีสามี มีภรรยา ถ้า เราได้สามี ได้ภรรยาที่เสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีทิฏฐิ ความคิดความเห็นเสมอกัน ดีด้วยกัน ก็พากันไป ก้าวหน้ากันไป อันนั้นเรียกว่าเรามีเพื่อนร่วมทางที่ดี หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วันสวนสันติธรรม 1 เมษายน 2566

Direct download: 660401.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

Direct download: 660324.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 2:00pm +07

การปฏิบัติธรรมถ้าเราทำสมถะ สมถะไม่เลือกอารมณ์ อารมณ์อะไรก็ได้ สิ่งที่เรียกว่าอารมณ์ หมายถึงสิ่งที่ถูกรู้ อารมณ์เป็นของที่คู่กับจิต เมื่อไรมีจิตเมื่อนั้นมีอารมณ์ เมื่อไรมีอารมณ์เมื่อนั้นก็ต้องมีจิต ของคู่กัน เรื่องของสมถะไม่ใช่มีแค่เรื่องเข้าฌาน ไม่ได้แคบแค่นั้นหรอก สมถกรรมฐานในตำราเขาบอกไว้ว่าใช้อารมณ์อะไรก็ได้ อารมณ์บัญญัติ คือเรื่องราวที่คิดก็ได้ อย่างคิดเรื่องปฏิกูลเรื่องอสุภะ คิดพิจารณาร่างกาย คิดอะไรนี้ เป็นเรื่องคิดทั้งนั้น หรือคิดพิจารณาชีวิต พิจารณาซากศพ เป็นเรื่องคิดเอา ไม่มีสภาวธรรมรองรับ เรียกว่าอารมณ์บัญญัติ ก็ใช้ทำสมถะได้ อารมณ์รูปธรรมก็ใช้ทำสมถะได้ อย่างหายใจออกรู้สึก หายใจเข้ารู้สึก ลมหายใจเป็นรูป เดินจงกรม เห็นร่างกายมันเดินแล้วคอยรู้สึกไว้ จิตไม่วอกแวกไปที่อื่น นี่ก็เป็นสมถะ เห็นท้องพองเห็นท้องยุบจิตไม่หนีไปที่อื่น อันนี้ก็เป็นสมถะ ใช้รูปก็ได้ ใช้นามก็ได้ ทำสมถะ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วันสวนสันติธรรม 26 มีนาคม 2566

Direct download: 660326.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

1 « Previous 11 12 13 14 15 16 17 Next » 95