คนส่วนใหญ่ไม่ได้มีพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะ เรามีผลประโยชน์เป็นสรณะ คนในโลกนี้ เขาไหว้หมด ยุคโบราณเขาไหว้ภูเขา ไหว้แม่น้ำ ไหว้ต้นไม้ เดี๋ยวนี้ยังไหว้ต้นไม้อยู่ ขุดเจอตอไม้ก็เอามาไหว้กัน หรือถูหาเลข แล้วก็มโนไหว้โน้นไหว้นี้ไปเรื่อยๆ ไม่รู้จักจบหรอก ถ้าเราสังเกตให้ดีเราจะเห็น มันจะมีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ออกมาให้เราไหว้เรื่อยๆ ยุคหนึ่งก็ไหว้จตุคาม มาถึงวันนี้ไหว้อสุรกาย มันไปกันใหญ่แล้ว ทำไมคนต้องเที่ยวหาที่พึ่งภายนอก เพราะว่าไม่สามารถพึ่งตัวเองได้ ใจมันอ่อนแอ การพึ่งตัวเองแล้วเรียนรู้ตัวเองไป ตามหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าท่านสอน ที่พระอรหันตสาวกท่านสอน ลงมือปฏิบัติไป จนกระทั่งเรารู้ธรรมชาติทั้งหลาย มันเป็นไปตามเหตุ สิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุ ถ้าเหตุดับสิ่งนั้นก็ดับ ถ้าไม่มีเหตุสิ่งนั้นมันก็ไม่เกิด เราภาวนาเรื่อยๆ เราจะเห็น สิ่งทั้งหลายมีเหตุมันก็เกิด หมดเหตุมันก็ดับ บังคับมันไม่ได้ อย่างเราจะมีความสุข หรือเราจะมีความทุกข์ เราจะไปร้องขอให้เทวดาช่วยเราไม่ให้ทุกข์หรือ ไปขออสุรกายช่วยให้เรามีความสุข เขาเหล่านั้นก็มีความทุกข์ ไม่ได้ต่างกับเราหรอก เทวดาเขาก็ทุกข์อย่างเทวดา ผีมันก็ทุกข์อย่างผี สัตว์นรกมันก็ทุกข์อย่างสัตว์นรก สัตว์เดรัจฉานมันก็ทุกข์ ทุกข์มากๆ เลย เขาจะมาเป็นที่พึ่งที่อาศัยของเราได้อย่างไร เขาเองยังทุกข์อยู่ เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนให้เราไปดูถูกคนอื่น ดูถูกเทวดา พรหม หรือภูติผีปีศาจอะไร ท่านสอนให้เรามองเขาในฐานะเป็นเพื่อน เพื่อนร่วมทุกข์ คือยังทุกข์อยู่ด้วยกัน เหมือนเพื่อนเรายังลำบากมาก เราก็ยังพยายามไปเรียก ให้เขาช่วยโน่นช่วยนี่อีก มันไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเลย อย่างพวกอสุรกายมันลำบากมาก เราก็จะไปไหว้ จะเอาตัวอะไรไปบูชายัญอะไรอย่างนี้ หวังจะให้ช่วยเรา มันยังช่วยตัวเองไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นเลิก ชาวพุทธเราต้องเลิกที่จะเอาสิ่งอื่นมาเป็นที่พึ่งของเรา เราต้องเอาธรรมะเป็นที่พึ่ง เรียนรู้ธรรมะไป เข้าใจวิธีปฏิบัติแล้วลงมือปฏิบัติ ปฏิบัติธรรมให้สมควรแก่ธรรม แค่ไหนสมควร ก็ปฏิบัติเต็มสติเต็มกำลังของเรานั่นล่ะ เรียกว่าปฏิบัติโดยสมควร ถ้าเราปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ธรรมะนั้นจะคุ้มครองเรา หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 19 สิงหาคม 2566

Direct download: 660819.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

Direct download: 660121_VT1.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 660115_VT2_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

จิตใจเราไม่มีอิสระ จิตใจเราเป็นทาส ไม่มีความสุขที่แท้จริง เฝ้ารู้เฝ้าดู เวลาตัณหาเกิดทีไรความทุกข์เกิดทุกที ดูลงไปอย่างนี้เลย แล้ว เราจะเห็นจิตใจนี้ไม่เคยมีความสุข เพราะจิตใจนี้ไม่ค่อยว่างจากตัณหาหรอก มีความทุกข์เกิดขึ้นตลอดเวลา เฝ้ารู้เฝ้าดู ตอนหลวงพ่อเป็นโยมภาวนา หลวงพ่อพบว่าจิตเหมือนคนติดคุก ถูกขังอยู่ในคุก แล้วมันก็เป็นคุกที่ป่าเถื่อน ตัณหาเป็นผู้คุมเราอีกที แล้วสั่งงานเราอยู่ในคุกตลอดเวลา คุกที่ขังจิตมันเคลือบครอบคลุมจิตอยู่ ตัวนี้คือตัวอาสวกิเลส มันครอบคลุมจิตใจเราไว้ ห่อหุ้มจิตใจเราไว้ แทรกซึมเข้าไปในจิตใจ แล้วก็ผลักดันให้เกิดตัณหาบงการบังคับจิตใจทั้งวันทั้งคืน พอภาวนามาเห็นตรงนี้ หลวงพ่อยอมไม่ได้แล้ว แต่เดิมคิดว่าเราอิสระ แต่ตอนนี้รู้ความจริงแล้วว่าจิตใจเราไม่ได้อิสระ จิตใจเราเกิดมาก็เป็นทาสแล้ว ยอมไม่ได้ ต้องแหกคุกนี้ให้ได้ ถ้ายังทำลายคุกอันนี้ไม่ได้ จะไม่เลิกปฏิบัติหรอก คล้ายๆ หน้าที่ของเราคือแหกคุก แหกคุกก็คืออาสวกิเลสมันห่อหุ้มจิตใจเราไว้ แล้วตัณหามันก็บงการจิตใจเรา เฝ้ารู้เฝ้าดูลงไป เรียนรู้ลงไป ในที่สุดก็ทำลายนายทาสตัวนี้ลงไป แต่มันทำลายเป็นระดับๆ ไป อยู่ๆ ไปทำลายตัณหา ทำไม่ได้ จะทำลายตัณหาได้ต้องทำลายอวิชชาได้ ความไม่รู้ ของเราตอนนี้ยังไม่ถึงจุดนั้น ของเราภาวนาไป เห็นไปร่างกายไม่ใช่ตัวเราที่แท้จริง จิตใจไม่ใช่ตัวเราที่แท้จริง เพราะจิตใจเป็นของที่เราสั่งอะไรก็ไม่ได้ ดูอย่างนี้ก่อน แล้วขั้นปลายค่อยไปดูว่าร่างกายคือตัวทุกข์ จิตใจคือตัวทุกข์ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 13 สิงหาคม 2566

Direct download: 660813.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

Direct download: 660115_VT1_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 660811.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 5:00pm +07

Direct download: 660114_VT2_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 660114_VT1_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 660108_VT2.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 660108_VT1__.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 660107_VQ_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 660107_VT2__.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 660107_VT1_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 660101_VT2_.mp3
Category:short clips -- posted at: 10:08pm +07

Direct download: 660101_VT1_.mp3
Category:short clips -- posted at: 10:07pm +07

เราตั้งอกตั้งใจฝึกตัวเอง ถือศีล 5 ทุกวันทำในรูปแบบ ทำกรรมฐานสักอย่างหนึ่ง แล้วก็คอยรู้ทันจิตตนเอง อย่าเพ่ง อย่าจ้อง แค่รู้ทันจิต จิตหนีไปคิด รู้ จิตถลำไปเพ่ง รู้ เวลาที่เหลือเจริญสติในชีวิตประจำวัน เจริญสติในชีวิตประจำวันก็คือ มีตาก็ดู มีหูก็ฟัง มีจมูกก็ดมกลิ่น มีลิ้นก็รู้รส มีกายก็รู้สัมผัส มีใจก็คิดนึกได้ ไม่ใช่ห้ามคิด แต่เมื่อกระทบอารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้ว จิตใจเรามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เกิดสุขให้รู้ เกิดทุกข์ให้รู้ เกิดกุศลให้รู้ เกิดอกุศลให้รู้ หรือจิตไปทำงานทางตาให้รู้ ไปทำงานทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ให้รู้ รู้เท่าที่รู้ได้ ไม่ต้องรู้เยอะอย่างที่หลวงพ่อบอก เอาเท่าที่เรารู้ได้ นี่ล่ะงาน 3 ตัว ถือศีล 5 ทำในรูปแบบ แล้วคอยสังเกตจิตตนเอง งานที่ 3 คือเจริญสติในชีวิตประจำวัน ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กระทบอารมณ์ แล้วมีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นที่จิตให้รู้ทัน ถ้าทำ 3 ประการนี้ได้ มรรคผลนิพพานไม่อยู่ไกลเราหรอก ไม่ได้อยู่ไกลแล้ว ไม่เกินเอื้อม ขอให้ทำให้ต่อเนื่อง อดทน ฟังธรรมะพอเข้าใจ พอรู้หลักแล้ว สิ่งสำคัญมากคืออดทน หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 12 สิงหาคม 2566

Direct download: 660812.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

Direct download: 651231_VT2__.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 651231_VT1_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

บางคนนั่งสมาธิ จิตรวม นั่งทีเดียวยันสว่างเลย นั่งได้ 10 ชั่วโมง แล้วก็อยู่เฉยๆ อย่างนั้น ไม่ได้มีการเจริญปัญญาอะไร ออกจากสมาธิมา จิตมันติดใจในความสุขความสงบของสมาธิ ไม่เห็นว่ามันเป็นราคะ หรือพอติดในความสุขความสงบของสมาธิแล้ว ออกมากระทบอารมณ์นิดเดียวระเบิดเลย โทสะพุ่งกระฉูดเลย ฉะนั้นไปทำให้นิ่งๆ เฉยๆ อยู่ ไม่ล้างกิเลสหรอก ตกเป็นเครื่องมือของกิเลสอีก ฉะนั้นตัวที่จะสู้กิเลสล้างกิเลสได้จริงคือตัวปัญญา ตัวความรู้ถูกความเข้าใจถูก พระพุทธเจ้าบอกบุคคลถึงความบริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา ปัญญาก็คือเห็นไตรลักษณ์นั่นล่ะ ถึงจะเป็นปัญญาระดับที่สู้กิเลสได้ เรียกว่าวิปัสสนาปัญญา ถึงจะสู้กิเลสได้จริง วิปัสสนะ แปลว่า การเห็น เห็นอย่างถูกต้อง วิ แปลว่าเห็นแจ้ง แปลว่าแจ่มแจ้ง ปัสสนะ แปลว่าการเห็น เห็นอย่างแจ่มแจ้ง เห็นกายเป็นไตรลักษณ์ เห็นจิตใจเป็นไตรลักษณ์ นั่นล่ะเรียกว่าเห็นแจ่มแจ้ง อันนั้นล่ะถึงจะเป็นวิปัสสนา หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 6 สิงหาคม 2566

Direct download: 660806.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 10:05pm +07

Direct download: 651225_VT2_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 651225_VT1_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

ภาวนาอย่ากลัวทุกข์ อย่ากลัวลำบาก อดทนเอา แต่ว่าดูตัวเอง ถ้ากิเลสของเราเป็นพวกกิเลสเบาบาง ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติโหดๆ ถ้าพวกกิเลสหนา ราคะแรง โทสะแรง หรือโมหะแรง พวกนี้ต้องทุกขาปฏิปทา อดนอน ผ่อนอาหาร นั่งสมาธิ เดินจงกรม ให้ห้าวหาญ สู้ตาย ถ้ารอดมาก็จะได้ดี แต่บอกให้อย่างหนึ่ง ไม่เคยมีใครนั่งสมาธิแล้วตายหรอก ไม่เคยมีใครปฏิบัติแล้วตายหรอก เพราะฉะนั้นอ่อนแอไม่ได้ ดูตัวเองเลย ถ้าเป็นคนที่กิเลสรุนแรง อดทนไว้ ขยันนั่งสมาธิ ขยันเดินจงกรม นั่งสมาธิก็สังเกตกาย สังเกตใจไว้ นั่งสมาธิแล้วสังเกตไป เออ ร่างกายมันเป็นตัวเจ็บ แต่ร่างกายมันไม่บ่น ตัวที่บ่นคือจิต จิตมันไม่ยอมรับว่ากายนี้เป็นตัวทุกข์ จิตมันเลยทุรนทุราย พอรู้ทันจิต จิตมันก็เป็นกลาง พอจิตมันเป็นกลาง จิตไม่มีความทุกข์ จิตก็รวมเข้าสมาธิเลย วูบเดียว 2 ชั่วโมง ไม่แปลก บางทีเข้าทีเดียวยันสว่างก็มี คือถ้าจิตใจเราสบาย นั่งสมาธิแป๊บเดียวก็สงบแล้ว ถ้าจิตใจเรากระสับกระส่าย โอ๊ย ไม่ชอบเลย ปวดอย่างนี้ มันไปนั่งได้อย่างไร เมื่อไรจะหาย นั่งสมาธิพอขาปวด ไม่ใช่นั่งเพื่อให้ขาหายปวด แต่นั่งเพื่อให้ใจยอมรับ ใจเป็นกลาง ร่างกายมันปวด ใจไม่ได้ปวดด้วย ใจก็เป็นกลาง สบาย พอใจเป็นกลาง สมาธิมันก็เกิด สมาธิเกิดบางทีก็พักผ่อนอยู่เฉยๆ บางทีก็เดินปัญญาต่อได้เลย ก็เห็นนอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรตั้งอยู่ นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับไป ปัญญามันเกิด บางทีก็ได้มรรคได้ผลไปเลย หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 5 สิงหาคม 2566

Direct download: 660805.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

ตรงที่คิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จิตมีปีติ มีความสุข มีสมาธิเกิดขึ้น แล้วถ้าเราพัฒนาต่อไป เราคอยสังเกตจิตใจเรา มีสติกำกับอยู่ที่จิตเรื่อยๆ ไป ต่อไปจิตมันจะตั้งมั่นขึ้นมา อย่างที่หลวงพ่อเคยทำ หลวงพ่อทำอานาปานสติแล้วรู้ทันจิต ไม่ได้ทำเพื่อสงบ เพื่อสุข เพื่อดีอะไรทั้งสิ้น ทำอานาปานสติ หายใจออกรู้สึก หายใจเข้ารู้สึก พอจิตมันหลงไป รู้ทันว่าจิตหลง จิตไปเพ่งลมหายใจ รู้ว่าจิตเพ่ง จิตก็เลยไม่เผลอ จิตก็เลยไม่เพ่ง จิตก็ตั้งมั่นเด่นดวงอยู่ในทางสายกลาง พอจิตเราอยู่ในทางสายกลางได้ เราก็เดินปัญญา แยกธาตุ แยกขันธ์ เห็นร่างกายกับจิตคนละอัน เห็นเวทนากับจิต เป็นคนละอัน เห็นสัญญา สังขาร กับจิตเป็นคนละอัน เห็นจิตเกิดดับทางทวารทั้ง 6 หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไป อันนั้นขั้นเจริญปัญญา หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 1 สิงหาคม 2566 (ช่วงบ่าย)

Direct download: 660801B.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

Direct download: 651223_VT2_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

สิ่งแรกที่พระพุทธเจ้าสอนพระปัญจวัคคีย์ ในพระสูตรพูดไม่กี่ประโยคว่า มีสิ่ง 2 สิ่ง มีธรรม 2 อย่าง ที่บรรพชิตคือผู้ปฏิบัติไม่ควรเสพ คือกามสุขัลลิกานุโยค แล้วก็อัตตกิลมถานุโยค ท่านพูดสั้นๆ พอเราเข้าสู่ทางสายกลางได้แล้ว ทำอย่างไร ท่านก็ให้เรียนรู้ สิ่งที่เรียกว่าอริยมรรคมีองค์ 8 เวลาจะปฏิบัติ ท่านสอนสัมมาทิฏฐิ อันนี้สัมมาทิฏฐิภาคปริยัติ เสร็จแล้วเราก็ลงมือปฏิบัติ ดูแลความคิดของเรา อะไรอยู่เบื้องหลังความคิด คำพูด การกระทำ คอยรู้ไปเรื่อยๆ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ ก็จะดี การที่เรามีสติคอยสังเกตจิตใจเรา อะไรอยู่เบื้องหลังความคิด นั่นก็คือการเจริญสติ เป็นสัมมาสติ แล้วสัมมาสติ เมื่อเราทำถูกต้อง ไม่ได้บังคับให้รู้ สติที่ถูกต้องเกิด ไม่ได้เจตนาระลึก ระลึกได้เอง สัมมาสติเมื่อทำให้มาก ก็จะทำให้สัมมาสมาธิบริบูรณ์ จิตมันจะเข้าฐาน ตั้งมั่น เด่นดวงขึ้นมา สัมมาสมาธิที่บริบูรณ์ ทำให้มากทำให้เจริญ จะทำให้สัมมาญาณะบริบูรณ์ขึ้นมา สัมมาญาณะคือการรู้ถูก เข้าใจถูก คือวิปัสสนาญาณทั้งหลายนั่นเอง เมื่อสัมมาญาณะบริบูรณ์ สัมมาวิมุติ คือมรรคผลนั้นจะเกิดเอง ไม่มีใครทำให้เกิดได้ ไม่มีใครสั่งจิตให้บรรลุมรรคผลได้ จิตบรรลุมรรคผลของจิตเอง เมื่อศีล สมาธิ ปัญญานั้นบริบูรณ์ เมื่อองค์มรรคทั้ง 8 นั้นบริบูรณ์ แล้วตัดสินความรู้กันในชั่วขณะจิตเดียวเท่านั้น นี่คือใจความธัมมจักกัปปวัตตนสูตร หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 1 สิงหาคม 2566 (ช่วงเช้า)

Direct download: 660801A.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

1 « Previous 9 10 11 12 13 14 15 Next » 96