พยายามยกระดับจิตใจของเราให้สูงขึ้นๆ ไป อดทน ไม่อดทนทำไม่ได้หรอก เส้นทางนี้ มันน่าเบื่อ ให้มันเด็ดเดี่ยวๆ อดทน ล้มลุกคลุกคลานไม่เป็นไร ล้มแล้วลุกขึ้นมา เดินต่อ ลงไปคลุกฝุ่น ลุกไม่ไหว เราคลานไป อย่าอยู่กับที่ แล้ววันหนึ่งเราก็จะพ้นจากความทุกข์อันมหาศาล ค่อยทุกข์น้อยลงๆ ครูบาอาจารย์ท่านเคยเปรียบ เหมือนคนหลงป่าแล้วป่านี้มืดทึบเลย ไม่เห็นเดือน ไม่เห็นตะวัน มืด พื้นก็มีแต่ทาก ต้นไม้ก็มีแต่หนาม เดินทางไหนก็หนามทิ่มหนามตำอะไรอย่างนี้ ท่านก็บอก วัฏสงสารก็อย่างนั้นล่ะ มันทุกข์ทั้งนั้น หันซ้ายก็ทุกข์ หันขวาก็ทุกข์ แต่ต้องอดทนค่อยๆ คลำทางออกไป ค่อยๆ ถางทางออกไป จากป่ารกทึบ มีแต่เสี้ยนหนาม มันก็จะเข้าสู่ป่าโปร่งมากขึ้น หนามมันก็อยู่ห่างๆ คราวนี้รู้จักหลบ รู้จักหลีก มีทางให้หลบแล้ว ตอนอยู่ในป่าทึบ หันซ้ายหันขวา โดนหมด แล้วต่อมาก็ออกมาที่ชายทุ่งได้ ออกมาที่บ้านที่เมืองได้ ท่านเปรียบเทียบอย่างนี้ อดทน ฉะนั้นอดทน จำเป็น ต้องอดทนอดกลั้น อย่าตามใจกิเลสตัวเอง ถ้าตามใจกิเลสตัวเอง มันมีแต่ต่ำลงๆ แล้วบางคนตามใจกิเลสตัวเอง แต่ว่ามันฉลาด แก้ตัวให้กิเลส หาเหตุผลว่าอันนี้ดีๆ อันนี้ต้องทำๆ เถลไถลไปเรื่อยๆ อันนั้นแก้ตัวให้กิเลส ลืมไปว่าชีวิตของคนไม่ได้ยั่งยืนอะไร คนที่อายุถึงร้อยปีมีสักกี่คน แล้วอายุมากๆ ร่างกายเสื่อม สมองเสื่อม ภาวนาลำบาก ตอนที่ยังแข็งแรง รีบภาวนา เหมือนตอนที่แข็งแรงอยู่ รีบหาทางออกจากป่าให้ได้ ป่านี้ก็คือวัฏสงสารนั่นเอง มีเสี้ยนหนามอยู่รอบตัว ก็คือมีความทุกข์ตลอด หันซ้ายก็ทุกข์ หันขวาก็ทุกข์ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 2 กรกฎาคม 2566

Direct download: 660702.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07