ต้องฝึกจิตของเราให้มาเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานขึ้นมา พอเราได้จิตที่เป็นผู้รู้แล้ว เราก็จะเห็นธาตุขันธ์ทั้งหลายเป็นของถูกรู้ถูกดู ไม่ใช่จิต ร่างกายก็ส่วนหนึ่ง ความรู้สึกสุขทุกข์ก็ส่วนหนึ่ง กุศลอกุศลก็ส่วนหนึ่ง จิตก็อยู่อีกส่วนหนึ่ง ค่อยๆ แยกสิ่งที่เรียกว่าตัวเราออกเป็นส่วนๆ คำว่าขันธ์ ก็แปลว่าส่วนนั่นล่ะ แยกขันธ์ 5 ก็คือแยกออกเป็น 5 ส่วน รูป ร่างกายของเราเป็นรูป ตัวรูปธรรมแยกให้ละเอียดออกไป ก็เป็นธาตุ ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ถ้าเราแยกออกไปแล้ว เราก็จะเห็นตัวธาตุแต่ละธาตุ ไม่มีตัวตนอะไร ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 21 มิถุนายน 2568

Direct download: 680621.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

คนทั่วไปชอบแขวนป้าย มีป้ายว่าเป็นลูกศิษย์ครูบาอาจารย์องค์นั้นองค์นี้ เป็นแบบฉาบฉวยแล้วก็ไม่ได้เรื่องหรอก ท่านพุทธทาสท่านพูดว่า ถ้าไม่เชื่อคำสอนอย่ามาอ้อนว่าเป็นลูกศิษย์ ฉะนั้นเราเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ ก็ต้องทำตามที่ครูบาอาจารย์สอน ธรรมะเรียนไม่ได้ด้วยการไปเกาะครูบาอาจารย์อยู่ เรียนไม่ได้ด้วยการอ่าน ด้วยการฟัง ด้วยการคิด เราจะเข้าใจธรรมะได้ ครูบาอาจารย์สอนให้แล้วก็ต้องลงมือปฏิบัติ การปฏิบัติธรรมมันมีต้องรักษาศีล ต้องทำสมาธิ ฝึกจิตฝึกใจให้ตั้งมั่นให้มีกำลัง เมื่อจิตใจตั้งมั่นมีกำลังแล้วก็ต้องฝึกเจริญปัญญา อย่างถ้าเราไม่ได้ปฏิบัติธรรม ไม่มีศีล ไม่มีสมาธิ ไม่มีปัญญา ถึงไปเกาะครูบาอาจารย์อยู่ มันก็ได้แค่เอาไว้อวดคนเท่านั้นว่าเป็นลูกศิษย์มีครู หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 20 มิถุนายน 2568

Direct download: 680620.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

Direct download: 680618.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

ที่จิตเข้าถึงพระนิพพาน เป็นจุดที่เข้าถึงสันติอย่างแท้จริง สงบ ในความสงบนี่มีบรมสุข เป็นบรมสุขเพราะไม่มีอะไรเสียดแทงได้แล้ว ไม่มีอะไรเสียดแทงจิตใจของเราได้อีกต่อไป เกิดจากการที่เราหัดเจริญสติมานั่นล่ะ จากสติปัฏฐานในเบื้องต้นจนกระทั่งเราได้จิตตั้งมั่น พอเรามีจิตตั้งมั่นแล้วเราแยกขันธ์ได้ ต่อมาเราเห็นขันธ์แต่ละขันธ์ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ แล้วก็ต่อมาปัญญามันแก่กล้ามันก็วาง พระอนาคามีก็วางได้ระดับหนึ่ง พระอรหันต์ท่านวางขันธ์ทั้งหมด ขันธ์ตัวสุดท้ายที่วางคือตัววิญญาณตัวจิตนั่นเอง หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 15 มิถุนายน 2568

Direct download: 680615.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

จงทำญาณเห็นจิตให้เหมือนตาเห็นรูป ก็คือเห็นจิตมันทำงานไป เหมือนที่เราเห็นรูปทั้งหลายมันเคลื่อนไหวไป เราไม่ได้สั่ง เราไม่ได้เลือกว่าจะเห็นรูปที่สวยงาม หรือรูปที่น่าเกลียดอะไร เราไม่ได้เลือก จิตจะรู้อารมณ์ที่พอใจ หรือรู้อารมณ์ที่ไม่พอใจ เราก็เลือกไม่ได้ ใช้หลักอย่างนี้เลย ทำญาณเห็นจิตเหมือนที่ตาเห็นรูป ตาไม่เลือกรูป จิตก็ไม่เลือกอารมณ์ แล้วเห็นรูปแล้วจะเกิดสุขหรือเกิดทุกข์ จิตก็เหมือนกันกระทบอารมณ์แล้ว จะเกิดสุขหรือเกิดทุกข์ ก็เลือกไม่ได้เหมือนกัน ตามรู้ตามเห็นไป สุดท้ายก็จะเห็นทั้งกายทั้งจิตตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ มีแต่ของไม่เที่ยง มีแต่ของที่ถูกบีบคั้นให้แตกสลาย อย่างที่มองพระพุทธรูป เราเห็นพระพุทธรูปชัด แล้วจิตก็ถูกบีบคั้นให้แตกสลาย จิตที่ดูรูปมันเริ่มเบลอๆ ไป หมดสภาพ มันไปได้ยินเสียงชัดขึ้นมา ฟังเสียงแป๊บเดียว ใจหนีไปคิด เสียงจะเบลอๆ ไปแล้ว เคยคุยกับใครสักคนหนึ่งไหม แล้วก็เขาคุยๆ อยู่ แล้วใจเราไปคิดเรื่องอื่น เราไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร เห็นไหม เพราะอะไร จิตเราไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว จิตเราไม่ได้อยู่ที่เสียง จิตเราหนีไปอยู่ที่อื่น ฉะนั้นจิตรู้อารมณ์ได้ครั้งละอย่างเดียว แล้วมันเลือกอารมณ์ไม่ได้ด้วย จะสั่งว่าต้องเห็นรูปตลอดเวลา ต้องได้ยินเสียงตลอดเวลา อย่าคิด อะไรอย่างนี้ สั่งไม่ได้สักอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นที่เราดูจิตเหมือนตาเห็นรูป เราก็ดูจิตมันแสดงไตรลักษณ์ไปนั่นล่ะ เราไม่เลือกรูป ตาไม่เลือกรูป เจอรูปแล้วจะพอใจไม่พอใจ ก็สั่งไม่ได้ ห้ามไม่ได้ ควบคุมไม่ได้ แล้วรูปทุกอย่างที่เห็นเกิดแล้วก็ดับ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 14 มิถุนายน 2568

Direct download: 680614.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

Direct download: 680601_VT2_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 680601_VT1_.mp3
Category:short clips -- posted at: 8:00am +07

Direct download: 680531_VT2_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 680531_VT1_.mp3
Category:short clips -- posted at: 8:00am +07

Direct download: 680601_VT3_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 680525_VT2_.mp3
Category:short clips -- posted at: 8:00am +07

มีโอกาสแล้วอย่าขี้เกียจ เข้มแข็งไว้ ต้องสู้ ต้องเอาตัวรอดให้ได้ ศาสนาพุทธอยู่ไม่นานหรอก พวกเราก็เห็นอยู่แล้วทุกวันนี้เป็นอย่างไร พุทธบริษัทเป็นอย่างไร ภิกษุบริษัทเป็นอย่างไรก็เห็นอยู่ ภิกษุณีบริษัทไม่มีแล้ว อุบาสกอุบาสิกาเป็นอย่างไร ลองดูรอบตัวเราสิ ศาสนาพุทธไม่ได้ดำรงอยู่ที่วัด ไม่ได้ดำรงอยู่ที่ไหนเลย แล้วถ้าจิตใจของเราปิดกั้นรองรับธรรมะไม่ได้ ศาสนาก็สูญไป ตอนนี้มีโอกาส ถือว่าในสังสารวัฏที่ยาวไกล ชาตินี้ของเราเป็นนาทีทองในสังสารวัฏ เพราะพระศาสนายังดำรงอยู่ หลักสติปัฏฐานยังดำรงอยู่ ตราบใดที่ยังมีสติปัฏฐาน มีผู้เดินตามสติปัฏฐาน มีสติรู้กายในกาย มีสติรู้เวทนาในเวทนา มีสติรู้จิตในจิต รู้ธรรมในธรรมอยู่ ตราบใดที่ยังมีผู้ปฏิบัติอยู่ มรรคผลนิพพานยังไม่ใช่เรื่องเหลือวิสัย น่าสงสารตรงที่ว่าชาวพุทธเรา แทบไม่เคยได้ยินคำว่าสติปัฏฐานเลย หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 8 มิถุนายน 2568

Direct download: 680608.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

Direct download: 680525_VT1_.mp3
Category:short clips -- posted at: 8:00am +07

Direct download: 680524_VT2_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 680524_VT1_.mp3
Category:short clips -- posted at: 8:00am +07

เมื่อเช้าก็เริ่มมีพวกทิดมาส่งการบ้าน เริ่มต่อรองแล้ว เริ่มต่อรองแล้ว อ้างโน่น อ้างนี่ จะภาวนาแล้วข้ออ้างเยอะ นิพพานก็จะเอา โลกก็จะเอา จะเอาหมดทุกอย่าง ของมันสวนทางกัน อยากนิพพานก็ต้องออกจากโลก อยากได้โลกก็เอานิพพานเอาไว้ทีหลัง อย่าต่อรอง สู้ตาย ต้องเอาให้ได้ ถ้าเริ่มต่อรองจุดที่หนึ่ง เดี๋ยวก็มาเจรจาเขยิบมาอีกหน่อยหนึ่ง คล้ายๆ ที่ชายแดนเรา เจรจาไปมันก็รุกมา รุกเข้ามาๆ พวกเราก็สไตล์เดียวกัน อย่ามาเคลมที่นี่ มาต่อรอง แล้วก็รุกคืบที่จะไม่ภาวนา พวกเราอย่าพยายามต่อรองเลย ที่ให้ทำแค่นี้ยังน้อย อีกหน่อยเยอะกว่านี้อีก อดทน อยากได้ดีก็ต้องทนเอา ขี้เกียจแล้วมันจะดีได้อย่างไร ทำไมเราขี้เกียจ เพราะเรารักตัวเอง ถ้าเรารักตัวเอง เราก็ตามใจปรนนิบัติมันไปเรื่อยๆ ก็อยู่กับโลกไปเรื่อยๆ ต้องยอมเห็นทุกข์เห็นโทษ มันถึงจะข้ามโลกได้ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 7 มิถุนายน 2568

Direct download: 680607.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

Direct download: 680511B_VT2_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 680511B_VT1_.mp3
Category:short clips -- posted at: 8:00am +07

Direct download: 680511_VT2_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 680511_VT1_.mp3
Category:short clips -- posted at: 8:00am +07

Direct download: 680504_VQ2_.mp3
Category:short clips -- posted at: 6:00pm +07

Direct download: 680504_VQ1_.mp3
Category:short clips -- posted at: 8:00am +07

Direct download: 680504_VT2_.mp3
Category:short clips -- posted at: 11:35am +07

Direct download: 680504_VT1_.mp3
Category:short clips -- posted at: 11:35am +07

เรียนอยู่กับหลวงปู่ดูลย์ แล้วก็ทำญาณเห็นจิตให้เหมือนตาเห็นรูป ญาณแปลว่าปัญญา เราจะเห็นจิตใจของตัวเองด้วยปัญญา เหมือนที่ตาเห็นรูป ตาเห็นรูปเป็นอย่างไร มีตา มีรูป มีแสงสว่างมากพอ จะจงใจหรือไม่จงใจก็ตาม ตาก็มองเห็นถ้าตาไม่บอด คือมีอะไรเกิดขึ้นในจิตใจเรา จิตใจเราเป็นอย่างไร รู้ว่าเป็นอย่างนั้น ไม่ต้องไปแต่งมัน ไม่ต้องไปดัดแปลงมัน รู้ซื่อๆ เข้าไปเลย ใจเรามีราคะก็รู้ ใจไม่มีราคะก็รู้ ใจมีโทสะก็รู้ ไม่มีโทสะก็รู้ ใจมีโมหะก็รู้ ไม่มีโมหะก็รู้ ใจฟุ้งซ่านก็รู้ ใจหดหู่ก็รู้ รู้ไปเรื่อยๆ ใจสงบก็รู้ ใจได้อุปจารสมาธิก็รู้ ใจเป็นมหรคตก็รู้ ใจเป็นอัปปนาสมาธิก็รู้ รู้ไปเรื่อยๆ รู้เท่าที่มันเป็น ไม่ต้องแสวงหา เหมือนกับเรานั่งหลับตาอยู่ พอลืมตาขึ้นมาเห็นรูป เราไม่ได้เลือกว่าจะเป็นรูปอะไร รูปนั้นจะดีหรือรูปจะไม่ดี ไม่สำคัญ เวลาเราดูจิตก็ดูเหมือนที่ตาเห็นรูปนั่นล่ะ คือมีอะไรปรากฏขึ้นที่จิตก็รู้ไปอย่างที่มันเป็น ท่านมีคำหนึ่งว่า จงทำญาณเห็นจิต เห็นไหม ให้เห็นด้วยญาณ ญาณคือปัญญาๆ ปัญญาเห็นอะไร เห็นไตรลักษณ์ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 1 มิถุนายน 2568

Direct download: 680601.mp3
Category:Dhamma Talks -- posted at: 6:00am +07

1 2 3 4 5 6 7 Next » 117